เพื่อนร่วมงาน
ผู้คนมาจับจ่ายซื้อของใช้จำเป็นอาหารและข้าวของอื่นมากมายในซูเปอร์มาร์เก็ตเพราะเป็นช่วงสิ้นเดือนทำให้เคาน์เตอร์เก็บเงินแถวยาวเหยียดแทบจะทุกช่อง แพรวาตึงต้องรอต่อแถวนานกว่าปรกติ เธอไม่ได้ซื้อของอะไรมากนักมีเพียงของจำเป็นเท่านั้นเพราะเวลานี้แพรวาอยู่เพียงตัวคนเดียวจึงไม่ต้องซื้ออะไรเผื่อใคร แต่ถึงจะมีแต่ของจำเป็นรถเข็นของเธอก็ยังเต็มจนแทบจะล้นออกมา
“ ฉันรู้แล้วว่าแกโทรเรียกฉันมาเป็นเพื่อนทำไม ” สุรนันทน์มองข้าวของในรถเข็นของแพรวาแล้วเบะปาก
“ แหมก็ของใช้มันหมดนี่ ” แพรวายิ้มอ้อนเพื่อนของเธออย่างประจบ
“ แกต้องเลี้ยงข้าวฉันเป็นการตอบแทนด้วยนะ วันนี้ฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่น ” สุรนันทน์ยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึงอาหารรสเลิศทั้งซูชิ ซาชิมิ โอโคโนมิยากิของโปรด
“ ได้สิ ฉันจะสั่งให้แกกินจนท้องแตกเลยดีไหม ” แพรวายิ้ม
“ แกพูดเองนะ ถ้าฉันสั่งเยอะแกอย่ามาบ่นก็แล้วกัน”
สองสาวจึงพากันเอาของที่ซื้อไปเก็บเอาไว้ในรถของสุรนันทน์ก่อนแล้วจึงพากันเดินไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไม่ไกลนัก ระหว่างต้องเดินผ่านร้านตัดผมแพรวาหยุดอยู่ที่หน้าร้านคลายกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้วดึงข้อมือของสุรนันทน์เอาไว้
“ มีอะไรยายแพรจะถึงร้านอาหารแล้วนะ ” สุรนันทน์ชะงักเท้าหันกลับมาแล้วมองตามแพรวาไปที่ร้านตัดผม
“ ฉันอยากตัดผม ” แพรวาพูดจบก็สาวเท้าเข้าไปในร้านทันทีโดยดึงสุรนันทน์เข้าไปด้วย
“ แกแน่ใจนะ? ” สุรนันทน์ถามเสียงไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะรู้ดีว่าแพรวารักผมของเธอมากแค่ไหน
แพรวาไม่ตอบว่าอะไรเธอพาตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่เพื่อให้ช่างตัดเอาผมยาวสลวยของเธอออกที่ละน้อยจนกระทั่งผมยาวเหยียดตรงถึงกลางหลังกลายเป็นผมบ๊อบสั้นเพียงปลายคางและยังมีผมหน้าม้าบางๆ ปิดหน้าผากทำให้ดวงหน้าเล็กยิ่งดูเด็กและสดใสขึ้นกว่าเก่าจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
แพรวายิ้มให้กับตัวเองในกระจกถึงจะใจหายอยู่บ้างเพราะผมที่เธอเฝ้าทะนุถนอมมานานเหลืออยู่เพียงแค่ท้ายทอยแต่ก็รู้สึกเหมือนได้เปลี่ยนแปลงตัวเองและเริ่มต้นชีวิตใหม่จริง ๆ สักที
“ คุณลูกค้าดูเด็กลงเยอะเลยนะคะ เหมือนเด็กมัธยมเลย ” ช่างตัดผมชมเปราะ
“ ขอบคุณค่ะ ” แพรวาลุกขึ้นมองตัวเองอีกครั้งอย่างมั่นใจ ดวงตาที่เคยมีประกายหม่นตอนนี้กลับสดใสจึงพาให้ดวงหน้าดูสดใสตามไปด้วย
สุรนันทน์ได้แต่งมองแพรวาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ แกดูเด็กลงจริงๆ ยายแพร ไม่น่าเชื่อ ”
“ หิวแย่แล้วใช่ไหมไปกินข้าวกันเถอะ ” แพรวาจูงมือสุรนันทน์ออกไปอย่างอารมณ์ดี
รถยุโรปสีดำปลาบคันเมื่อวานขับเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้วบ้านของแพรวาตรงเวลาพอดิบพอดี ป้าศรีนวลจึงยิ้มแป้นรีบสาวเท้าว่องไวไปยืนอยู่ข้างๆ รั้วบ้านเพื่อรอทักชายหนุ่มรูปงามเจ้าของรถ
“ สวัสดีครับคุป้าศรีนวล ” เสียงทุ้มกล่าวทักทายหญิงสูงวัยอย่างสุภาพ คิรากรไม่ได้มามือเปล่าเขามีอาหารสำหรับใส่บาตรติดมือมาด้วยตามคำสัญญา
“ ไหว้พระเถอะพ่อคุณ แหมวันนี้มาตักบาตรกับป้าตามสัญญาจริงเสียด้วย ” ป้าศรีนวลยิ่งยิ้มกว้างกว่าเก่า
“ โบราณว่าทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน... ” พูดเองป้าศรีนวลก็เขินเองคิรากรได้แต่ยิ้ม
ประตูหน้าบ้านของแพรวาเปิดออกร่างเพรียวระหงในชุดกระโปรงสั้นสีดำสวมทับด้วยสูทสีขาวก็ก้าวออกมาพอเห็นคิรากรที่กำลังหันมาพอดีแพรวาก็ยิ้มทักทาย
คิรากรแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นแพรวาก้าวช้าๆ ออกมาจากบ้านราวภาพสโลโมชั่น
“ หนูแพรตัดผมใหม่หรือลูกน่ารักเชียว ” ป้าศรีนวลพินิจแพรวาแล้วหันกลับมามองคิรากรที่ยืนนิ่งราวหุ่นปั้น
“ ค่ะ แพรเพิ่งจะไปตัดมาเมื่อวานนี้เอง ” แพรวา ตอบ
“ ดูซิคุณรูปหล่อเจ้านายหนูแพรถึงกับตลึงไปเลย ” ป้าศรีนวลมองคิรากรแล้วหัวเราะคิก ๆ ชอบอกชอบใจ
“ พระท่านมาแล้วค่ะ ” แพรวาบอกป้าศรีนวลพลางสะกอดแขนคิรากรเบา
“ ครับ! ” คิรากรหลุดออกจากภวังค์มองหน้าแพรวาแล้วเขินจนทำอะไรไม่ถูก
“ พระท่านมาแล้วค่ะ ” แพรวาบอกพลางชี้ไปที่อาหารในมือคิรากรที่เขาเตรียมมาใส่บาตร คิรากรจึงถอดรองเท้าออกแพรวาก็เช่นกันทั้งสองคนจึงนำอาหารใส่บาตรพร้อมกันแล้วนั่งลงรับพรจากพระ
“ เราไปกันเลยดีไหมครับ ”
“ ค่ะ ” แพรวารับคำแล้วจึงหันไปยกมือไหว้ลาป้าศรีนวล
“ ไปเถอะลูก ”
“ ลานะครับคุณป้า ” คิรากรยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม
“ พรุ่งนี้จะมาใส่บาตรอีกไหมพ่อคุณ ” ป้าศรีนวลถามยิ้มๆ
“ คงได้มาจนกว่ารถคุณแพรจะเสร็จครับป้า ” คิรากรตอบแล้วทั้งสองคนก็พากันขึ้นรถขับออกไป
วันนี้คิรากรไม่ยอมจอดรถให้แพรวาลงตรงทางเข้าบริษัทแต่เขาขับพาเธอเข้ามาถึงหน้าประตูทางเข้าของตึกสำนักงาน แพรวาดูจะอึดอัดทำตัวไม่ถูกเพราะไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาและเป็นที่พูดถึงของใครต่อใครในบริษัท
“ คุณแพรครับลงไปพร้อมผม ” คิรากรเปิดประตูรถแพรวาจึงจำใจต้องลงจากรถพร้อมกันกับเขา แค่ก้าวเท้าออกมาจากประตูรถเท่านั้นสายตาทุกคู่ที่กำลังจะเข้าอาคารก็หันมาจับจ้องว่าใครกันที่จะลงมาจากรถของท่านรองประธานฯ บุตรชายคนเดียวของเจ้าของทองธารากรุ๊ปแห่งนี้
“ นั้นพี่แพรนี่ ” พนักงานสาวในแผนกประชาสัมพันธ์อุทานขึ้น
“ คนที่เพิ่งจะหย่ากับสามีใช่ไหม ” เสียงถามตามมาติด ๆ หลังจากนั้นก็มีแต่เสียงงึมงำตามมาเป็นระลอกคลื่น
คิรากรไม่สนใจใครทั้งนั้นเขาเดินนำแพรวาที่เดินตามมาด้านหลังไปที่ลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหาร แพรวาทำท่าจะแยกไปใช้ลิฟต์ของพนักงานแต่คิรากรดึงข้อมือของเธอให้เดินตามเขา
“ ลิฟต์สองตัวนั้นคนเยอะน่าอึดอัดครับ ” เขาให้เหตุผล
“ แพรชินแล้วค่ะท่านรองฯ ” แพรวาขยับข้อมือออกจากมือของคิรากรอย่างสุภาพ
“ ท่านรองฯ ” คิรากรขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าขุ่นเคืองนิดๆ
“ ค่ะ ที่นี่แพรไม่ควรตีตัวเสมอเจ้านาย ” แพรวาพูดเพียงได้ยินกันสองคน คิรากรพยักหน้ารับรู้แต่สีหน้าก็แสดงความขุ่นเคืองให้เห็น
“ พี่แพรคะ ” พนักงานสาวสวยแผนกประชาสัมพันธ์เดินเข้ามาทักทายเธอพลางยกมือไหว้คิรากร
“ ลูกหยีเราไปกันเถอะ ” แพรวาค้อมศีรษะลงให้คิรากรแล้วเดินออกไปกับลูกน้องของเธอ คิรากรจึงได้แต่มองตามไปแล้วเดินเข้าลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานของเขาที่อยู่ชั้นบนสุดซึ่งเป็นชั้นสำหรับผู้บริหาร
ในเวลาสิบโมงเช้าห้องประชุมใหญ่ของทองธารากรุ๊ปก็ถูกจัดอย่างเรียบร้อยเพื่อเตรียมการประชุมของผู้บริหารและหัวหน้าแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ของทองธารา ในการประชุมครั้งนี้จะมีกลุ่มบริษัทที่จะเข้ามาร่วมดูแลเรื่องการทำประชาสัมพันธ์ทางเว็บไซต์ด้วยจึงจะต้องจัดเอกสารและของว่างเพิ่มขึ้นอีกสี่ที่
“ พี่แพรคะ ทำไมครั้งนี้ท่านรองฯ ถึงได้จ้างบริษัทนอกมารับงานด้วยล่ะคะ ปรกติแผนกของเราก็ทำงานประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว ” ลูกหยีถามอย่างไม่เข้าใจ
“ เห็นว่าเป็นบริษัทของเพื่อนท่านรองฯ น่ะแล้วบริษัทนี้เขาก็มีคอนเท็กอยู่ทั่วโลกด้วย ” แพรวาตอบ
“ อ้อ... ” ลูกหยีพยักหน้าเข้าใจ
“ ทางนี้เสร็จแล้วเราออกไปดูของว่างกันเถอะนะ ” แพรวาเดินนำลูกน้องของเธอออกไปที่ห้องจัดของว่าง