เสียงโทรศัพท์ภายในบนโต๊ะทำงานของแพรวาดังขึ้นเธอจึงต้องรีบยกหูโทรศัพท์เพื่อรับสายเพราะถ้าโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังแสดงว่าจะต้องมีเรื่องด่วน
‘ แพรวารับสายค่ะ ’
เพียงแค่ได้ยินเสียงปลายสายคนโทรไปก็ยิ้มหวานได้ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นหน้า คิรากรรีบตอบกลับเสียงทุ้มหวาน
‘ คุณแพรครับกลางวันนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะครับ พอดีผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณแพร ’ ถ้าไม่ใช้เรื่องงานมาอ้างคิรากรมั่นใจว่าจะต้องได้รับการปฏิเสธอย่างแน่นอน
‘ เออ... ’ แพรวาอึกอักอยู่อึดใจ ‘ ค่ะ ’ แล้วก็ต้องตอบรับด้วยไม่รู้จะปฏิเสธรองประธานบริษัทได้อย่างไร
‘ อีกห้านาทีผมลงไปรับนะครับ ’ คิรากรแทบอยากจะไปหาแพรวาเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีที่เขาคิดได้ว่าคงจะไม่เหมาะนักจึงให้เวลาเธอเตรียมตัวสักห้านาที
‘ ค่ะ ’ แพรวาวางสายแล้วได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ เธออยากจะบอกคิรากรเหลือเกินว่าอย่ามาเสียเวลากับเธอเลย เขาควรจะได้เจอคนที่ดีและเหมาะสมกับเขามากกว่าเธอแต่คนที่ปฏิเสธใครไม่เป็นอย่างแพรวาเรอะจะทำได้ หญิงสาวจึงได้แต่เอามือลูบหน้าผากอย่างคิดไม่ตก
“ พี่แพรไปกินข้าวกันเถอะค่ะเที่ยงแล้ว ” พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์สาวในแผนกเอ่ยขึ้น
“ ลูกหยีไปเถอะจ้ะ พี่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลย ” แพรวายิ้มปฏิเสธอย่างสุภาพตามแบบของเธอ พนักงานคนอื่นๆ ในแผนกก็พากันลุกออกไปจนเกือบหมดแล้ว
“ พี่แพรจะตามไปไหมคะ ลูกหยีจะได้จองเก้าอี้ไว้ให้”
“ ไม่เป็นไรจ้ะ ” แพรวาพยักหน้าบอกเป็นนัยว่า ‘ไป กันเถอะนะพี่คงไม่ได้ตามไป’ พนักงานสาวที่เอ่ยปากชวนจึงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วเดินตามคนอื่น ๆ ออกในเวลานึ้จึงเหลือเพียงแพรวาที่นั่งอยู่ในแผนก
เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาราวกับรู้ว่าคนอื่นๆ ออกไปกันหมดแล้ว
“ คุณแพร ” เสียงทุ้มหวานของคิรากรดังขึ้น แพรวาจึงเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ของเธอ
“ ท่านรองฯ ” แพรวาวางมือจากงานตรงหน้าเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบเอากระเป๋าสะพายใบเล็กออกมา
“ ผมรู้ว่าคุณแพรคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าจะออกไปกินข้าวกับผม ผมเลยริให้คนอื่นออกไปกันให้หมดก่อน ” คิรากรยิ้มกว้างดวงตาของเขายามจ้องมองแพรวามันดูเป็นประกายจนทำให้คนถูกมองทำตัวไม่ถูก
แพรวาขยับตัวอย่างอึดอัดแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ แต่ก็เหมือนคิรากรจะสัมผัสถึงความรู้สึกของหญิงสาวได้เขาจึงเลือกที่ตะเว้นระยะให้เธอได้พอมีพื้นที่หายใจหายคอบ้าง
“ เราออกไปร้านที่ไกลหน่อยดีไหมครับ จะได้ไม่ต้องเป็นจึดสนใจของใคร ”
“ ก็ดีค่ะ ” แพรวายิ้มสุภาพท่าทีของเธอยังดูห่างเหิน
“ เมื่อคืนหลับสบายดีไหมครับ ” จู่ๆ คิรากรก็เอ่ยขึ้น
แพรวาอึกอักทำหน้าไม่ถูก เรื่องเมื่อคืนนี้ที่เธอพยายามนึกว่าทำอะไรลงไปบ้างมันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในสมอง เธอกับคิรากรนั่งดื่มไวน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นเธอเอาแต่พร่ำเพ้อถึงปวีณ์และก็ร้องไห้ แพรวาจำไม่ได้ว่าเธอดื่มไปกี่แก้วแต่เธอไม่ได้เมาเพราะถ้าเธอเมาจะเดินขึ้นไปนอนบนห้องได้ยังไง
“ ... ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นพยายามนึกว่าทำอะไรไปมากกว่านั้นหรือเปล่า
“ คุณแพรไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอกครับ ผมเข้าใจดีตอนที่ผมเลิกกับแฟนที่คบกันมาตั้งสิบปีผมก็เป็นแบบคุณแพรนี่แหละครับ ” คิรากรพูดพร้อมกับบีบบ่าข้างขวาของแพรวาเบาๆ
“ เมื่อคืนแพรคง... ” แพรวาอับอายเกินกว่าที่จะเอ่ยถาม
“ คุณแพรไม่ได้ทำอะไรที่หน้าอับอายหรอกครับ คนอะไรขนาดเมายังเรียบร้อย ” คิรากรพูดพลางยิ้มให้แพรวาที่ทำท่าเป่าลมออกจากปากน้อย ๆ อย่างโล่งอก
“ จริงสิครับ แล้วคุณแพรจะไปเยี่ยมคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาชนรถคุณแพรไหมครับ ”
“ แพรว่าจะไปช่วงพักเที่ยงค่ะ แพรบอกพี่พรเอาไว้แล้วว่าอาจจะเข้างานช้าหน่อย ”
“ ผมไปด้วยนะครับคุณแพรจะได้มีเพื่อน ” คิรากรรีบอาสา แพรวาได้แต่ยิ้มรับอย่างปฏิเสธไม่ได้
หลังรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยคิรากรจึงพาแพรวาไปที่โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านของเธอ แพรวารู้สึกหายใจหายคอไม่ทั่วท้องด้วยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จะพูดคุยกัยคู่กรณีได้หรือไม่ถึงแม้ว่าทางตำรวจและเจ้าหน้าที่ประกันภัยจะยืนยันกับเธอแล้วก็ตามว่าเธอไม่ผิด เหมือนว่าคิรากรจะอ่านท่าทีของแพรวาออกเขาจึงจับมือของเธอเอาไว้ แพรวาตกใจไม่น้อยเธอหันมามองหน้าเขาคิร่กรจึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ คุณแพรจะเข้าไปเลยไหมครับ ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของคิรากรนั้นทำให้แพรวายิ้มได้ อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนเจ็บและญาติพี่น้องของเขาตามลำพัง
คิรากรรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตครู่หนึ่งที่ดูเหมือนจะจับจ้องเขาอยู่นานแล้ว พอปลายตาไปมองก็เจอชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกอยู่ไม่ห่างนัก ชายคนนั้นเดินตรงมาทางเขาและแพรวามือที่จับมือเล็กๆ อยู่จึงยิ่งกระชับแน่นแพรวาจึงหันมามองหน้าคิรากรที่ขยับตัวขึ้นหันข้างเล็กน้อยเพื่อบังตัวแพรวาเอาไว้
“ มีอะไรคะคุณกร? ” แพรวาชะโงกหน้ามองไปทางที่คิรากรบังเธอเอาไว้ คิ้วเรียวเลิกขึ้นดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยตกใจแพรวาสะบัดมือของคิรากรออกอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ
คิรากรหัวใจหล่นวูบทันทีเขาได้แต่พยายามควบคุมตัวเอง “ คุณวี ไม่ได้เจอกันนานนะครับ ” คิรากรเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายด้วยท่าทางและน้ำเสียงสุภาพ
“ ครับ ” ปวีณ์ยิ้มแต่ดวงตาดุดันน่ากลัว เขามองเลยคิรากรไปหาอดีตภรรยาที่หน้ายังซีดเหมือนกับคนถูกจับได้ว่าทำผิด ปวีณ์เหยียดริมฝีปากแล้วเอ่ยทักทายเธอ
“ พี่ไม่คิดว่าจะเจอแพรที่นี่ ถ้ารู้ว่าแพรจะมาพี่คงไม่มาให้เสียเวลา ” เขามองแพรวาอย่างตำหนิ
“ พี่วีจะกลับไปเลยก็ได้นะคะ แพรจัดการทุกอย่างเองได้คงไม่ต้องรบกวนพี่วี ” แพรวายืดอกหน้าตรงจ้องปวีณ์อย่างไม่กลัว
“ ถ้าจะจัดการทุกอย่างเองก็น่าจะมาให้เร็วกว่านี้นะ คงจะติดธุระอย่างอื่นอยู่ล่ะสิ ” เขามองแพรวาและคิรากรสลับกันแล้วเหยียดริมฝีปากอีกครั้ง
“ พี่จ่ายค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บไปแล้ว ” ปวีณ์เสียงกร้าว
“ แพรจะใช้คืนให้ค่ะ ”
คำพูดของแพรวาจุดระเบิดในใจปวีณ์ดวงตาคมลุกโชนราวมีไฟเผาผลาญ ปวีณ์จ้องหน้าแพรวาแล้วตอบกลับ “ ดี! คืนมาให้ครบทุกบาททุกสตางค์ ”
“ ค่ะ ” แพรวาตอบรับเสียงแข็ง เธอจะไม่มีทางอ่อนแอให้เขามาดูถูกเธอได้อีก
“ ฮึ! ” ปวีณ์หัวเราะหยัน คนอย่างแพรวาจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ
“ คุณแพรครับ เราเข้าไปเยี่ยมคนเจ็บกันเถอะนะ เสร็จเรื่องแล้วจะได้กลับบริษัท ” คิรากรจูงมือแพรวาเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
ห้องพักนี้เป็นห้องพักผู้ป่วยรวมแบบหกเตียงภายในห้องมีคนไข้นอนพักรักษาตัวอยู่เต็มทุกเตียง ยังมีญาติของผู้ป่วยที่นั่งอยู่รายล้อมแต่ละเตียง พอทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องทุกสายตาจึงมองตรงมาที่พวกเขา
ปวีณ์เดินตรงไปยังเตียงด้านขวาที่อยู่ในสุดของห้องญาติของคนเจ็บก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ยกมือไหว้เขาอย่างสำนึกบุญคุณ
“ ขอบคุณมากนะคะ ” ผู้หญิงชราท่าทางกเงินด้วยความชราน้ำตานองหน้า
“ ไม่เป็นไรป้า ทางผมเองก็ผิดที่ออกจากซอยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ” ปวีณกระแทกเสียง แพรวาจึงค้อน ควับอย่างไม่พอใจ
“ ลูกชายคุณป้าเป็นยังไงบ้างคะ ” น้ำเสียงของแพรวาอ่อนโยน ถึงเธอจะไม่ได้ทำผิดกฏจราจรแต่เธอก็ประมาทออกจากซอยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือจริง ๆ อย่างที่ปวีณ์ว่าจริงๆ
“ ไม่เป็นไรอะไรมากค่ะ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว ” หญิงชราตอบ
แพรวายิ้มอย่างโล่งอก เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพายหยิบเอากระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วนำเงินจำนวนหนึ่งส่งให้หญิงสูงวันคนนนั้นเพื่อเป็นค่าทำขวัญ
หญิงชรารับเงินมาแล้วยกมือไหว้ “ ขอบคุณมากนะคะ พวกคุณผัวเมียมีน้ำใจจริงๆ ” ทำเอาแพรวากับปวีณ์หันมองหน้ากัน
“ ไม่ใช่ค่ะป้า เราสองคนไม่ได้เป็น... ” แพรวาจะปฏิเสธแต่ปวีณ์สวนขึ้น
“ พวกเราจะกลับแล้ว ป้ากับลูกก็พักผ่อนเถอะนะ ” พูดจบปวีณ์ก็หันหลังเดินออกไป แพรวากับคิรากรจึงตามออกไปด้วย
“ พี่วี ” แพรวาเรียกปวีณ์เอาไว้เขาจึงหยุดเดิน
“ มีอะไรอีก ” ปวีณ์กระชากเสียง
“ ค่ารักษาพยาบาลเท่าไหร่คะ ” แพรวาถามเตรียมโทรศัพท์ในมือพร้อมเพื่อจะโอนเงินให้เขา
“ ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว ” ปวีณ์ตอบแค่นั้นแล้วเดินต่ออย่างไม่สนใจแพรวาที่เร่งฝีเท้าตามมา
“ พี่วีหยุด! แพรถามว่าเท่าไหร่ไง ” แพรวากระชากแขนปวีณ์อย่างแรงจังหวะเดียวกับที่เธอเสียงหลักปวีณ์จึงช้อนตัวเธอเอาไว้แล้วรัดเอวเธอแบนกับตัวของเขาแน่น คิรากรที่เดินตามมาได้แต่กำหมัดแต่ทำอะไรไม่ได้
“ บอกว่าจำไม่ได้ ก็คือยังจำไม่ได้อย่างเซ้าซี้อีก ” เขาจ้องตาแพรวาทำเอาหัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้นด้วยกระแสบางอย่างที่ปวีณ์ส่งมา
“ แพรหายใจไม่ออก ” แพรวาดันอกของปวีณ์เอาไว้ ปวีณ์คลายวงแขนออก คิรากรรีบสาวเท้าเข้ามาใกล้รวดเร็ว
“ คุณแพรเรารีบกลับกันเถอะครับ ” คิรากรจูงแพรวาออกมาให้ห่างจากปวีณ์ ปวีณ์มองอย่างไม่พอใจแล้ว กรอกตา
“ เอาไว้พี่จำได้แล้วจะโทรไปบอก ” ปวีณ์ปลายตามองคิรากรแล้วเดินจากทั้งสองคนไปอย่างไม่เหลียวกลับ
แพรวามองตามดวงตาของเธอยังห่วงหาปวีณ์ คิรากรจึงกระชับมือของเธอแน่นเขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ เรากลับกันเถอะครับ ” ถึงเขาจะยังแทนที่ปวีณ์ไม่ได้ในตอนนี้แต่สักวันแพรวาจะต้องหันมามองเขาอย่างที่เธอมองผู้ชายคนนั้น