แอพพลิเคชันเฟสบุ๊คของแพรวาที่เคยเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เธอหวงแหนไม่เคยเปิดให้คนที่ไม่ใช่เพื่อนได้รับรู้ในเวลานี้เธอเปิดมันให้เป็นสาธารณะ เผื่อคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนทางเฟสบุ๊คจะได้สามารถกดเข้าไปดูรูปภาพและความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเจ้าตัวได้เหมือนเธอจะรู้ว่าต้องมีใครแอบเข้ามาดูมันแน่ๆ
มือใหญ่กุมเมาส์ของเครื่องคอมพิวเตอร์บังคับให้มันเปิดรูปภาพและข้อความที่เจ้าของเฟสบุ๊คลงเอาไว้ทุกๆ ข้อความ ดวงตาคมเข้มจ้องหน้าจออย่างตั้งใจแต่พอได้ยินเสียงเปิดประตูห้องทำงานก็รีบกดปิดทันทีแล้วเปิดรูปภาพที่เขาเพิ่งถ่ายเอาไว้ขึ้นมาแทนที
“ วี เที่ยงนี้มึงจะกินอะไรเดี๋ยวกูจะได้สั่งให้เขามาส่งที่นี่ ” สรวิทย์นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ปวีณ์ดวงตาของเขาเหลือบมองไปทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเพื่อนรัก
“ แล้วแต่มึงเลยกูกินได้หมด ” ปวีณ์ตอบพลางเลื่อนดูรูปภาพในจอคอมพิวเตอร์ไปด้วย
“ ถ้ากูสั่งมาแล้วมึงไม่กินนะน่าดู ” สรวิทย์ทำเสียงเข้มแต่ปวีณ์ไม่ได้สนใจ
“ หนุ่ม มึงช่วยสั่งกาแฟมาให้กูด้วยได้ไหม ” ปวีณ์พูดขึ้น
“ ได้สิ เอาอะไรล่ะ? ”
“ แคฟเฟมัคคิอาโต้ไม่หวานนะ ” ปวีณ์บอก
“ เอาแบบที่น้องแพรชอบใช่ไหม ” สรวิทย์ยกมุมปากเล็กน้อยอย่างรู้ทัน ปวีณ์จึงทำเป็นไม่ได้ยินที่เพื่อนพูด
“ มึงรีบๆ สั่งกูหิวแล้ว ” ปวีณ์ทำเสียงเข้มขรึมกลบเกลื่อน
“ เออๆ เดี๋ยวกูสั่งเดี๋ยวนี้แหละ ” เขาจึงรีบกดโทรศัพท์สั่งอาหารทันที
ท้องฟ้าค่ำคืนนี้มืดครึ้มด้วยกลุ่มเมฆสีเทาที่ปกคลุมไปทั่วจนไม่อาจจะมองเห็นพระจันทร์และดวงดาวได้เลย ทำให้คนที่นั่งเงยหน้ามองท้องฟ้าต้องถอนหายใจยืดยาวแล้วจึงปิดผ้าม่านเพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเปิดทิ้งเอาไว้
แพรวาลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมข้างระเบียงเคลื่อนตัวมาที่เตียงนอนแล้วทรุดกายลงนอนแผ่หลาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปิดลงแต่สมองของเธอยังคงไม่ยอมหยุดคิดถึงคนไกลที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะไปคิดถึงทำไมให้รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจจนน้ำใสรื้นขึ้นมาจนเต็มดวงตา
‘ เขาคงไม่คิดถึงเรา ’ แพรวาลืมตาขึ้นมาพร้อมหยาดน้ำใสที่ไหลลงมาที่ข้างตาหยดลงบนที่นอนจนเป็นวงกว้าง
‘ ลืมเขาซะแพรวา เธอจะต้องก้าวไปข้างหน้าเข้าใจไหม! ’ สมองของเธอสั่งหัวใจอีกครั้ง น้ำตาที่ยังคงร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสายยิ่งไหลพรากลงมาหนักขึ้น
ร่างผอมบางพลิกขึ้นมานอนตะแคงใช้สองแขนกลมกลึงกอดตัวเอง ครู่ใหญ่จึงผล็อยหลับไปทั้งน้ำตา
งานที่สตูดิโอถ่ายภาพเสร็จสิ้นลงแล้วปวีณ์จึงได้พักสายตาหลังจากที่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์มานานกว่าสามชั่วโมงเพื่อตกแต่งรูปพรีเวดดิ้งของลูกค้า
เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงานทิ้งสองแขนลงข้างลำตัวอย่างเมื่อยล้า ดวงตาคมค่อยๆ ปิดลงแต่หูก็ยังได้ยินเสียงเพื่อนรักคุยโทรศัพท์อย่างชัดเจน ปวีณ์จะไม่สนใจเลยถ้าหัวข้อการสนทนาที่เพื่อนรักกำลังพูดถึงไม่ได้มีชื่ออดีตภรรยาของเขาร่วมอยู่ด้วย
‘ แกจะบินไปหาแพรวันไหน? ’ สรวิทย์เอ่ยถามปลายสายเสียงดังเหมือนตั้งใจจะให้คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานได้ยิน
‘ พรุ่งนี้ตอนตีสอง ’ ปลายสายตอบเสียงสดใส
‘ โอเคเดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่สนามบิน ’
‘ พี่จะเอาอะไรไหมสาวจะได้ซื้อมาให้ ’ ปลายสายเอ่ยถาม
‘ ไม่ล่ะแกเที่ยวให้สนุกเถอะ ’ สรวิทย์ตอบ
‘ โอเค สาวไม่กวนพี่หนุ่มแล้วแค่นี้นะ ’ ปลายสายกำลังจะกดวาง
‘ สาวแกไปหาน้องแพรคราวนี้ แกยุให้น้องแพรหาผู้ชายดีๆ สักคนด้วยนะ น้องแพรจะได้ลืมผู้ชายแย่ๆ แถวนี้สักที ’ สรวิทย์ปลายตามองเพื่อนรักที่นั่งหลับตาพิงพนักเก้าอี้
‘ ที่พูดเนี่ยพี่วีอยู่แถวนั้นใช่ไหม ’ เธอถามอย่างรู้ทัน
‘ อือ ’ หนุ่มกดวางสายแล้วลอบมองดูปฏิกิริยาของเพื่อนรัก ปวีณ์ขบกรามแน่นทั้งที่ตายังปิดสนิท
“ น้องสาวกูจะบินไปอังกฤษคืนพรุ่งนี้ ” สรวิทย์พูดขึ้นลอยๆ
“ ... ” ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น
“ ไอ้สาวจะไปพักที่บ้านน้องแพร ” สรวิทย์ยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ จนเขาเห็นขมับและกร้ามเนื้อที่แก้มของปวีณ์กระตุกเล็กน้อย
“ เสียดายที่กูมีงานต้องทำไม่อย่างนั้นกูคงจะไปกับสาวด้วย ที่โน่นตอนนี้อากาศคงกำลังสบาย ” สรวิทย์ยิ้มมุมปาก
‘ กูไม่ได้อยากรู้ ’ ปวีณ์ได้แต่คิดในใจเขายังไม่ลืมตาขึ้นมาเพราะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนรักที่กำลังปั่นประสาทเขาอยู่
“ มึงคงจะอยากพักผ่อนงั้นกูออกไปก่อนดีกว่า ” หนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้สาวเท้ายาวๆ ออกจากห้องทำงานของปวีณ์ไป ปวีณ์จึงลืมตาขึ้นมา
“ มึงต้องการอะไรวะ จะพูดถึงแพรทำไมอีก ” เขาพึมพำออกมาอย่างหัวเสีย
เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของปวีณ์ดังขึ้น เขาจึงหยิบมันขึ้นมาพอเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาคิ้วหนาก็ขมวดมุ่น
‘ ณดามีอะไร? ’ เสียงของปวีณ์ห้วนๆ จนปลายสายถอนหายใจ
‘ ณดาโทรไปกวนวีเหรอ ’ ณดาเจ้าของนิตยสารท่องเที่ยวที่ปวีณ์เคยเป็นช่างภาพถามขึ้นอย่างน้อยใจ
‘ คุณมีธุระหรือเปล่า ’ ปวีณ์ก็ยังใช้น้ำเสียงไม่เต็มใจจะสนทนาด้วยอยู่ดี
‘ ณดามีงานน่ะ และเจ้าของงานก็ต้องการให้ปวีณาเป็นช่างภาพด้วย ’ ณดาปรับเสียงให้ดูเป็นทางการเพื่อไม่ให้ปวีณ์ทำเสียงรำคาญได้เธออีก
‘ งานอะไร? ’ ปวีณ์ถาม
‘ งานถ่ายภาพโปรโมทโรงแรมพอดีเพื่อนของณดาเพิ่งเปิดโรงแรมใหม่ที่ระยองน่ะเขาเลยจะทำภาพโปรโมทลงในเว็บไซต์ของโรงแรม ’
‘ วันไหน? ’ ปวีณ์ถามเสียงแข็ง
‘ วันศุกร์หน้าคงจะใช้เวลาประมาณสามวัน วีว่างหรือเปล่า ’ ณดากำลังภาวนาให้ปวีณ์รับงานของเธอ
ปวีณ์เงียบไปอึดใจ ศุกร์หน้าแพรวาจะกลับเมืองไทยถ้าเขารับงานนี้ก็คงจะไม่ได้เจอเธอแต่จะต้องไปเจอทำไมกันในเมื่อเขากับเธอก็จบกันไปแล้ว ‘ ตกลงเรารับงานนี้’
ณดาแทบจะกรี๊ดออกมาด้วยความดีใจ ‘ ขอบคุณนะที่รับงานของณดา ณดาจะรีบโทรไปบอกเพื่อนของณดาเลยว่าวีรับปากจะไปถ่ายภาพให้ ’ เสียงของเธอสดใสขึ้นทันที
‘ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม? ’ เขาถามตัดบทเพราะอยากจะวางสายเต็มที
‘ ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เจอกันวันศุกร์นะวี ’
ณดาวางสายไปแล้วปวีณ์จึงถอนหายใจ นึกถึงเรื่องที่ทำให้เขากับแพรวาทะเลาะกันใหญ่โตจนถึงขั้นเลิกลากัน
ค่ำคืนวันศุกร์ที่มีฝนตกกระหน่ำราวฟ้าพิโรธพาเอาการจราจรต้องเป็นอัมพาตไปโดยปริยาย ปวีณ์นั่งหน้านิ่วอยู่ในรถยนต์ของเขาที่ติดอยู่ตรงแยกไฟแดงแถวอโศกมากว่าสองชั่วโมงแล้ว ปวีณ์ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาที่บอกเวลาสองทุ่มสิบห้าเขากำลังสายแล้ว ป่านนี้แพรวาภรรยาของเขาคงกำลังนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ที่ร้านอาหารเป็นแน่ แต่จะให้เขาทำยังไงได้ในเมื่อรถติดและฝนก็ตกราวกับฟ้ารั่วแบบนี้ ปวีณ์ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมากดโทรหาภรรยาสุดที่รักทันที
‘ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ ’ สัญญาณตอบรับอัตโนมัติดังขึ้นแทน
ปวีณ์ยิ่งนิ่วหน้าด้วยความโกรธ “ ทำไมถึงปิดโทรศัพท์ ” เขาคำรามลั่นด้วยความโกรธ
รถยนตร์ของปวีณ์ขับเข้าไปจอดที่หน้าร้านอาหารที่เขาและแพรวานัดกันเอาไว้เพื่อฉลองครบรอบแต่งงานห้าปี ร่างสูงใหญ่รีบสาวเท้ายาวๆ เข้าไปในร้านอย่างร้อนใจ ในมือของเขาถือดอกลิลลี่ช่อโตเพื่อนำมาให้ภรรยาสุดที่รัก พนักงานบริการของที่ร้านเดินเข้ามาถามเขา
“ คุณผู้ชายได้จองโต๊ะเอาไว้หรือเปล่าครับ ” พนักงานเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ ครับจองเอาไว้ชื่อปวีณ์ ” เขาตอบแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ร้าน
พนักงานยิ้มอย่างสุภาพก่อนจะเอ่ยขึ้น “ คุณผู้หญิงที่มารอคุณปวีณาอยู่เธอเพิ่งจะกลับไปเมื่อครู่นี่เองครับ เธอฝากจดหมายไว้ให้คุณด้วย ” พนักงานยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้กับปวีณ์
เขาหยิบมันมาแล้วอ่านข้อความที่แพรวาเขียนเอาไว้ คิ้วหน้าขมวดจนหน้าผากย่น ดวงตาคมร้อนผะผ่าวจนแดงก่ำ ปวีณ์กำกระดาษใบนั้นแล้วทิ้งช่อดอกไม้ใส่ถังขยะทันทีด้วยความโมโห
‘ ถ้าพี่วีเห็นคนอื่นสำคัญกว่าแพร เราสองคนก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว ’
“ ทำตัวงี่เง่าแบบนี้อีกแล้วนะแพร ” เสียงปวีณ์กดต่ำดวงตาคมฉายวาบด้วยไฟโทสะ เขาอุตส่าห์รีบขับรถมาทันทีหลังจ่กงานเสร็จเพราะกลัวว่าแพรวาจะรอนาน รถก็ติดฝนดันมาตกหนัก แค่ขับรถมาก็หงุดหงิดมากอยู่แล้วนี้ยังมาเจอว่าเธอหนีกลับไปและยังทิ้งข้อความที่เขาอ่านแล้วต้องหัวร้อนไว้ให้อีก
ปวีณ์ขับรถกลับบ้านพร้อมกับอารมณ์ที่ลุกโชนด้วยความโกรธ เขาเหยียบคันเร่งเหมือนลืมไปว่าถนนในตอนนี้ทั้งลื่นและอันตรายด้วยน้ำฝน ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถยนต์ของปวีณ์ก็เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
แพรวาที่นั่งร้องไห้อยู่พอได้ยินเสียงรถเธอก็ลุกขึ้นจากโซฟารับแขกก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปยังบันไดเพื่อขึ้นห้องทันทีเพราะยังไม่อยากเจอสามีในเวลานี้
ปวีณ์เข้ามาในบ้านพอเห็นว่าแพรวากำลังจะเดินหนีเขา สองเท้าก็รีบก้าวรวดเร็วไปดึงข้อมือเล็กของภรรยา
“ แพร! ” เสียงเข้มดังขึ้นด้วยความโกรธ
“ ปล่อยแพรนะพี่วี แพรไม่อยากคุยกับพี่ตอนนี้ ” แพรวาสะบัดมืออย่างแรง แต่มือใหญ่ที่กำข้อมือเธอเอาไว้มันแน่นราวกับคีมเหล็กเธอสะบัดอย่างไรก็ยังไม่หลุด
“ แพรเป็นอะไรทำไมทำตัวงี่เง่าอย่างนี้ รู้ไหมว่าพี่รีบขับรถไปหาแพรฝนก็ตกรถก็ติดจนพี่หงุดหงิดแทบจะเป็นบ้า กลัวว่าแพรจะรอพี่นานแต่นี่พอพี่ไปถึงแพรดันหนีกลับมา ” ปวีณ์จ้องหน้าแพรวาด้วยความโกรธ แต่พอเขาเห็นหยาดน้ำใสในดวงตาของเธอเขาก็ใจสั่น
“ ถ้าพี่วีกลัวแพรจะรอนานจริงๆ อย่างที่พี่ว่าพี่คงไม่ทำแบบนี้หรอก ” แพรวายื่นโทรศัพท์ในมือของเธอใส่หน้าปวีณ์จนแทบจะชนลูกตาของเขา ปวีณ์จ้องหน้าจอโทรศัพท์ดวงตาคมเบิกโตอย่างตกใจ
รูปที่เขาเห็นคือรูปถ่ายของเขากับณดาเจ้าของนิตยสารท่องเที่ยวที่เขาเป็นช่างภาพอยู่ ใช่เขาอยู่คุยงานกับเธอจนเกือบจะลืมเวลานัดก็จริงอยู่ แต่รูปนั้นมันดูคลายว่าทั้งเขาและเธอกำลังทำอะไรที่พาให้คนดูเข้าใจผิด ปวีณ์ไม่รู้ตัวเลยว่าณดาถ่ายรูปพวกนี้เอาไว้ตอนไหน แถมแคปชั่นใต้รูปยิ่งชวนให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่
‘ คุณทำให้ณดามีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ขอบคุณนะคะ ’
“ มันไม่ใช่อย่างที่แพรคิดนะ ” ปวีณ์คลายมือออกจากข้อมือของแพรวาแต่ก็ยังจับเอาไว้หลวมๆ
แพรวาไม่พูดอะไรเธอสะบัดมือออกจากมือของปวีณ์ แล้วหันหลังให้เขาสาวเท้าเร็วๆ ขึ้นบันไดไปอย่างไม่ฟังเสียงของปวีณ์
“ แพรหยุด! หยุดฟังพี่ก่อน ” ปวีณ์รีบวิ่งตามขึ้นไปอย่างร้อนใจ เขาคว้าข้อมือแพรวาเอาไว้อีกครั้ง
“ พี่วีรู้ไหมว่าแพรเจ็บแค่ไหนที่เห็นรูปของพี่กับผู้หญิงคนนั้น นี้มันไม่ใช่ครั้งแรกนะพี่วี ” เธอเงียบไปอึดใจก่อนจะพูดต่อ
“ พี่วีก็รู้ว่าเขาคิดยังไงกับพี่วี แต่พี่วีก็ยังใกล้ชิดกับเขาแบบนั้นอีกหรือว่าพี่ก็คิดเหมือนกันกับเขา ” น้ำใส่เริ่มท่วมตาจนไหลออกมาเปียกแก้ม
“ บ้ากันไปใหญ่แล้วแพร พี่จะไปคิดอะไรกับณดาได้ยังไงพี่มีแพรคนเดียวนะ ” น้ำเสียงของปวีณ์หนักแน่น
“ แพรไม่เชื่อ ” เธอสะบัดมืออย่างแรงยิ่งทำให้ปวีณ์โมโหหนักขึ้น ดวงตาคมกร้าวแข็งมือที่ถูกสะบัดอออกกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนออกมา
“ เลิกทำตัวงี่เง่าสักทีได้ไหมแพรวา ” เสียงปวีณาตวาดลั่น
“ แพรงี่เง่าก็เพราะพี่วีนั้นแหละที่ทำให้แพรเป็นแบบนี้ ” เธอขึงตาใส่เขาอย่างเหลืออด
“ แพร! ” ปวีณ์เองก็เหลือจะอดทนกับข้อกล่าวหาที่เขาไม่ได้ทำ
เสียงฝนด้านนอกเริ่มกระหน่ำลงมาอีกครั้งแข่งกับเสียงของปวีณ์และแพรวาที่ทะเลาะกันอย่างไม่ยอมแพ้ ความไม่ดีของอีกฝ่ายหลั่งไหลออกจากของคนทั้งสองราวกับสายฝน จนปวีณ์ตัดสินใจจบปัญหาในครั้งนี้ด้วยการขับรถออกจากบ้านยิ่งทำให้แพรวาจินตนาการกระเจิดกระเจิงด้วยความหวาดระแวงในใจ
ปวีณ์ถอนหายใจยืดยาวอีกครั้งถ้าคืนนั้นเขายอมลดทิฐิลงไม่ขับรถหนีแพรวาออกมาแบบนั้นเขาและเธอก็คงไม่ต้องจบลงด้วยการหย่าร้างแบบนี้
เสียงประตูห้องทำงานเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงของหนุ่ม “ เลิกงานได้แล้ววีไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า ”
ปวีณ์มองหน้าเพื่อนรักก่อนจะพยักหน้ารับคำเชื้อเชิญ