"เป็นไงจินจินข้างามหรือยัง" ร่างบางในชุดสีม่วงอ่อนประดับปิ่นผีเสื้อหมุนกายไปมาให้สาวใช้คนสนิทดู
"งดงามมากเจ้าค่ะ" นางเอ่ยชม คุณหนูใส่สีม่วงได้งดงามยิ่งนัก
"ไปกันเถอะประเดี๋ยวท่านพ่อท่านเเม่จะรอนาน" มือบางจับจูงสาวใช้ตัวน้อยในชุดสีชมพูเดินออกจากเรือนไปพร้อมกัน
"มาเเล้วหรือผิงเอ๋อร์ ขึ้นรถเถอะ" เป็นเสียงท่านพ่อที่ออกมารอรับคาดว่าท่านเเม่คงอยู่ในรถม้าเเล้ว
สาวใช้ข้างกายประคองนายตนสองมือจัดชุดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้คุณหนูนั่งเสร็จเรียบร้อยจึงก้าวขึ้นไปโดยมีมือนิ่มของคนด้านในช่วยประคองขึ้นอีกที ทั้งสองยิ้มให้กัน
รถม้าเหล่าบรรดาขุนนางจอดกันเรียงรายเป็นขบวน สองข้างทางเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ออกมาดูอย่างสนอกสนใจ งานเฉลิมฉลองวันประสูติฮ่องเต้ถูกจัดขึ้นทุกๆปี โดยจะมีเหล่าเชื้อพระวงศ์มาร่วมงาน ฮองเฮาจะทรงเลือกบรรดาลูกขุนนางขึ้นมาทำการเเสดงเป็นลำดับตามรายชื่อ หากฮ่องเต้ทรงพอพระทัยจะทรงประทานรางวัล
"ข้าได้ยินว่าฮองเฮาเป็นผู้จัดงานนี้ด้วยตัวเอง" นางพูดพร้อมกับเเกะเมล็ดฟักทองเข้าปาก
"เจ้าค่ะ"
"หากข้าไม่ทำการเเสดงคงเป็นที่ไม่พอใจอีกอย่างมันจะดูไม่ดี เว้นเเต่ภายในงานจะไม่เรียบร้อย" นางพูดไปคิดไป ปากเล็กจิ้มลิ้มพูดขึ้น
"คุณหนูอย่าพูดอย่างนั้นสิเจ้าคะเดี๋ยวคนจะได้ยินเข้า" นางเอ่ยปรามเสียงเบา
"ใครจะไปได้ยิน ข้าคุยกับเจ้าเเค่สองคน นี้ก็อยู่ในรถม้า" นางเถียงกลับสาวใช้ที่กำลังทำสีหน้าไม่เห็นด้วย
"ถึงเเล้วขอรับ" คนขับรถม้าบอกคนภายในรถที่ตอนนี้กำลังเถียงกันอยู่
"คุณหนูลงรถเจ้าค่ะ"
"ข้าไม่ลงจนกว่าเจ้าจะเห็นด้วยกับข้า" นางกอดอกยืดตรงมองสาวใช้
"ไม่เจ้าค่ะยังไงบ่าวก็ไม่เห็นด้วยกับคุณหนูเด็ดขาด" สาวใช้ยืนยันเสียงเเข็งพร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่นเเขนกอดอก
"ข้าปวดท้อง ข้าไม่สบาย" นางใช้มือกุมท้องตนเองเเล้วร้องโอดครวญ
"คุณหนูไม่ได้ปวดท้อง" เเขนสองข้างที่กำลังกอดอกอยู่กอดเเน่นกว่าเดิม ดวงตาชำเลืองมองคุณหนูว่าปวดท้องจริงหรือไม่เเต่พอมองดูดีๆก็รู้ว่าคุณหนูตนกำลังโกหก
"ข้าปวด"
"ไม่ได้ปวด"
"ข้าปวดๆๆๆๆ" นางพูดซ้ำหลายรอบร่างบางดิ้นไปมาอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าเล็กงอง้ำระคนร้องไห้เเสดงอาการว่าตนเจ็บปวดเพียงใด
"ผิงเอ๋อร์เมื่อไรเจ้าจะลงรถ" เสียงมารดาเอ่ยเรียกบุตรสาวที่กำลังกุมท้องบิดไปบิดมาจนสาวใช้อย่างจินจินถึงกับปวดหัว
'สงสัยนางต้องเด็ดขาดเสียเเล้ว' จินจินบอกกับตนเองในเมื่อคุณหนูดื้ออยู่อย่างนี้
"คุณหนูรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเเต่ตอนนี้ดีขึ้นเเล้วเจ้าค่ะ"
"จินจิน เจ้าหึ!" นางถลึงตาใส่จินจินก่อนจะกุมชายกระโปรงลงรถไป
นางกวาดสายตามองรอบๆบริเวรงานที่ถูกจัดอย่างสวยงามเป็นระเบียบตา ร่างบางนั่งลงตำเเหน่งตนเองโดยมีสาวใช้คนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่านพ่อกับท่านเเม่นางนั่งอีกฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับนาง มือบางเตรียมจะยิบถ้วยชาขึ้นจิบเเต่มีเสียงกระเเอ่มไอจากจินจินเสียก่อน ใบหน้างามหันกลับไปมองสาวใช้พร้อมกับทำหน้าตาพิลักพิลึกใส่
"เจ้าชื่ออะไรหรือ"
สตรีชุดสีฟ้าใบหน้าค่อนข้างน่ารักน่าเอ็นดูเอ่ยถามนางที่กำลังเล่นกับหยกประจำตัว
"เอ่อ ข้าซู่หลันผิงเเล้วเจ้าล่ะ" เมื่อเห็นสตรีตรงหน้าถามอย่างเป็นมิตร ดีล่ะนางจะได้มีสหายชวนคุย
"ข้าไป๋อานเจินเจ้าค่ะ" นางตอบอย่างกระตือรือร้น นี่เป็นครั้งเเรกที่นางได้คุยกับสหายที่คิดว่าเป็นคนที่จริงใจ
หลันผิงยิ้มกว้างกับการกระทำเมื่อครู่ที่กระตือรือร้นที่จะตอบไหนจะเเววตาที่อยากให้ถามนั่นอีก อย่างน้อยสตรีตรงหน้าก็น่าคบหามากกว่าสตรีด้านข้างที่เอาเเต่มองนางเเล้วทำหน้าดูถูก นางหันไปมองก่อนจะเบะปาก
"เเล้วพ่อเเม่เจ้าเล่า" นางเอ่ยถามอานเจิน
"อยู่ตรงนั้นเจ้าค่ะ"
นางมองตามนิ้วที่ชี้ 'อ๋อ บุตรสาวเจ้ากรมอาญาหรอกหรือ'
"ฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาเสด็จ" เสียงขันทีประจำพระองค์ประกาศดังก้อง พระวรกายทรงอำนาจประทับบัลลังก์มังกร ใบหน้ายิ้มอ่อนๆดูมีเมตตา ตามมาด้วยสตรีสูงส่งในชุดสีเเดงปักลายหงส์ใบหน้างดงามเเย้มยิ้มนุ่มนวล
"ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นปีหมื่นปี ทรงพระเจริญ พันปี พันปี พันปีพันปี"
เสียงกล่าวสรรเสริญเหล่าขุนนาง บรรดาลูกขุนนางเเละเชื้อพระวงศ์ดังกึกก้อง สุรเสียงทรงอำนาจยิ้มอ่อนก่อนสบัดชายเเขนเสื้อให้ทุกคนนั่งลง
สตรีประทับขนาบฮ่องเต้กวักมือเรียกขันทีท่วงท่าสง่างามเป็นที่จับจ้องของคนในงาน ขันทีชุดสีน้ำเงินอ่านรายชื่อบุตรสาวเหล้าขุนนางที่ขึ้นมาทำการเเสดงโดยเรียงจากตระกูลเล็กจนไปถึงตระกูลใหญ่
"ขอเชิญคุณหนูไป๋อานเจินขึ้นมาทำการเเสดง"
"อานเจินนั่นเจ้ามิใช่หรือ" นางยิ้มให้อีกฝ่ายที่ทำหน้ายิ้มเเหยๆให้ นางจึงคิดว่าอานเจินคงประหม่ากระมัง
"ไม่ต้องกังวลเจ้าทำได้ อานเจิน" นางเอ่ยให้กำลังใจคนตรงหน้า 'เหมือนข้าให้กำลังใจตนเองยังไงก็ไม่รู้' พูดเสร็จนางก็ถอนหายใจเเล้วจิบเหล้าเริศรสพลางคีบเนื้อหมูเข้าปาก
"สตรีขี้เหล้า" เสียงเเหลมข้างๆพูดขึ้น นางหันกลับไปมอง
"เรื่องอะไรของเจ้ากัน ข้ากินของข้าไม่ได้ให้เจ้ากินเสียหน่อย" นางพูดกลับ เพิ่งกินจอกเดียวเองสตรีผู้นี้อยู่ดีๆก็มาว่านาง สงสัยจะเสียสติไปเเล้วนางส่ายหัวไปมา 'ดูการเเสดงของอานเจินดีกว่า' ขี้เกียจจะต่อล่อต่อเถียงกับสตรีผู้นี้
"นี้เจ้าน่ะ ชื่ออะไร" ร่างเล็กกระเถิบกายเข้าใกล้ร่างบางที่ไม่สนใจตนเอง
'ที่เเท้นางก็อยากมีเพื่อนคุยด้วย' นางละสายตาจากการเเสดงก่อนจะหันกลับไปมอง
"ข้ารึ" นางเเสร้งทำเป็นไม่รู้พร้อมกับชี้ตนเอง
"ข้าชื่อลู่หมิงอัน เจ้าล่ะ" สตรีตรงหน้าชิงพูดขึ้นก่อนเมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบนิ่ง
"ข้าซู่หลันผิง ยินดีที่ได้รู้จักเจ้า" นางรินสุราให้ฝ่ายตรงข้ามหนึ่งจอก
ไม่นานนักทั้งสองก็คุยกันอย่างสนุกสนานซ้ำยังดื่มเหล้าเข้าไปหลายจอก สาวใช้ทั้งสองห้ามปรามคุณหนูตนพร้อมยังบอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นไปทำการเเสดงไม่ได้ นางทั้งสองจึงหยุดดื่ม
"นี้หลันผิงข้าขอโทษที่ข้าพูดไม่ดีต่อเจ้า นั้นเป็นเพราะข้าอยากคุยกับเจ้าเเต่ข้าไม่เข้าใจวิธีหาสหาย"
"หึๆ เจ้าอย่าไปสนใจข้าไม่ถือสา" ที่เเท้หมิงอันก็ไม่รู้วิธีเข้าหาสหายนี้เอง
อีกคนกล่าวขอโทษอีกคนไม่ถือสาด้วยฤทธิของเหล้า โดยมีสักขีพยานคืออานเจินที่นั่งฟังทั้งสองคุยกัน
''นี่ๆ พวกเจ้าสองคนต่อไปเราเป็นสหายกัน พรุ่งนี้อย่าลืมมาที่จวนข้า ข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ"
"ตกลงๆ" สองเสียงเอ่ยพร้อมกันทั้งสามชนจอกชาเเทนเหล้า
'สงสัยข้าจะดื่มเยอะไปถึงได้ปวดหัว ออกไปสูดอากาศหน่อยดีกว่า' นางบอกสหายทั้งสองก่อนจะเดินออกไป ตามจริงจินจินบอกจะตามมาเเต่นางเอ่ยห้ามไว้ ใครจะมาทำอะไรนางนี่มันก็วังหลวงทหารเต็มวังหลวงขนาดนี้จะมีอันตรายได้อย่างไร
ร่างบางเดินทอดน่อง ใบหน้างามเเหงนมองเเสงจันทร์ที่กำลังส่องเเสงเป็นประกายระยิบระยับน่ามอง นางยิ้มน้อยๆอย่างมีความสุข อาการเดินเซจากพิษเหล้าทำให้นางต้องหยุดพักที่ศาลา อีกนานกว่าขันทีจะเรียกชื่อนางขอพักก่อนเเล้วกัน ก้นเล็กๆถูกย่อนลงนั่ง ดวงตากลมโตปิดลงช้าๆอย่างบังคับไม่ได้
สายตาคมมองไปยังสตรีตรงหน้าที่พึ่งหลับไป เขามองนางอย่างไม่เข้าใจ ไม่เคยเห็นสตรีใดที่เมามายเเล้วมาเเอบหลับเช่นนาง ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว ท่อนเเขนเเกร่งเท้าคางมองอย่างพอใจ
เท้าเล็กยุกยิกไปมานางตบยุงขณะที่ตาสองข้างยังปิดอยู่พร้อมกับพูดอยู่ผู้เดียว
"จินจินข้าบอกเเล้วไงว่าข้าปวดท้อง ปวดๆเข้าใจไหม" นางละเมอออกมาเป็นคำพูดยาวจนคนที่นั่งมองอยู่ขมวดคิ้ว
'นางไม่สบาย' ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กตรงหน้าที่เหยียดกายนอนเต็มที่ ใบหน้าคมเข้มก้มมองสตรีตรงหน้า คิ้วกระบี่เลิกขึ้นอย่างสนใจ เขาค่อยๆโน้มใบหน้าลงต่ำจนได้ยินเสียงหายใจ