ภายในห้องทำงานของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นเงียบเชียบเข้ากับบรรยากาศที่ค่อนข้างอึดอัด ร่างชองชายชรานั่งกุมมืออยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะไม้ด้วยความตึงเครียด เขาไม่ได้สูบยาเหมือนทุกครั้งเพราะในตอนนี้มี ‘คน’ กำลังยืนมองเขาด้วยแววตานิ่งเฉยแต่แฝงไปด้วยความกดดัน ตัวตนของชายหนุ่มคนนี้เป็นถึงมนุษย์ครึ่งสิงโตที่สง่าสมเป็นจ้าวแห่งป่า
ร่างกายสูงใหญ่และพลังกดดันไม่ต่างจากหมีทำให้สิงหะหัวหน้าหมู่บ้านแทบหายใจไม่ออกแต่ด้วยในอดีตที่เคยเจอครึ่งมนุษย์มามากจึงไม่ถึงขนาดหวาดกลัวจนตัวสั่นแต่ก็ไม่อาจผ่อนคลายได้
“ฉันจะไม่ทำร้ายหมี”
“อืม…ถือว่าทางนายทำตามข้อตกลง”
“แต่เป็นทางพวกคุณที่กำลังทำลายข้อตกลงเมื่อกาลก่อน ที่ไม่สามารถคุมหมีไว้ได้”
ชายชราเหงื่อไหลเย็นลงคางรู้สึกคำพูดที่นิ่งเรียบนั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจและดูถูกที่ไร้ความสามารถ เขาจะไม่เถียงแม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่ใช่หัวหน้าของกลุ่มครึ่งมนุษย์หรือที่เรียกกันว่าท่านราชาแต่อย่างไรก็เป็นถึงลูกชายที่สืบเชื้อสายจ้าวแห่งป่าไม่ต่างกัน
“ข้ายอมรับว่าไร้ความสามารถแต่ไม่คาดคิดว่าหมีจะไม่กินโอเมก้า มันเหนือความคาดหมายแต่เรื่องท้องไม่ต้องกังวลเพราะโอกาสมีน้อยมาก”
“ฉันรู้ว่าโอกาสน้อย แต่ฉันต้องบอกไว้ก่อนถ้าท้องขึ้นมาก็ต้องฆ่าเด็ก ส่วนแม่ฉันจะยังเก็บไว้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฒ่าชราเผลอกำมือแน่นในใจพลันโกรธสิงโตหนุ่มคนนี้ที่คิดจะฆ่าลูกของหมี หมีที่ยิ่งใหญ่นั้นควรที่จะมีทายาทต่อไปแต่ว่าเขาไม่อาจพูดออกมาได้นอกจากพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย เพราะอำนาจของพวกครึ่งมนุษย์นั้นมันน่ากลัวเกินไป
“อีกสองวันฉันจะพาเขาไปที่หมู่บ้าน เพราะตอนนี้หมู่บ้านฉันกำลังขาดแคลนประชากรและมีเพียงโอเมก้าที่จะทำให้ปัญหานี้หมดลง เรื่องนี้ฉันเคยบอกแล้วหวังว่าทางคุณจะไม่ยกเลิก”
“แน่นอน นายสามารถพาเขาไปได้”
เรื่องที่ทั้งสองกำลังพูดคุยอยู่นั้นเกี่ยวพันโดยตรงกับขุนเดิมทีพวกเขาตกลงกันว่าจะจับตาดูขุนหากภายใน10วันไม่ท้องครึ่งมนุษย์จะไม่ฆ่าและระหว่างนี้พวกเขาจะหาหนทางจับแยกกับหมีเพื่อส่งกลับ
แต่ว่าตอนนี้ข้อตกลงเริ่มแรกได้ถูกยกเลิกไปแล้วเพราะครึ่งสิงโตต้องการพาโอเมก้ากลับหมู่บ้าน เนื่องจากจำนวนครึ่งมนุษย์ที่เริ่มลดน้อยลง ชายหนุ่มต้องการให้ขุนเป็นเครื่องมือผลิตเด็กแม้ในหมู่บ้านจะมีโอเมก้าแต่ก็เพียงเล็กน้อย ดังนั้นหัวหน้าหมู่บ้านจึงต้องให้ขุนหนีออกมาก่อนกำหนดแม้ในใจจะไม่อยากทำแต่ว่าเพื่อหมู่บ้านเขาจึงต้องทำแบบนี้
“แล้วหมีนั่น…”
“เราได้เตรียมผู้หญิงมากมายแล้ว ไม่นานหมีคงลืมโอเมก้าได้”
“คุณแน่ใจใช่ไหมว่าผู้หญิงพวกนั้นจะสามารถทำให้หมีพอใจได้และไม่ตามไปที่หมู่บ้านฉัน”
เฒ่าชรานิ่งเงียบไม่อาจตอบรับได้ทันทีเพราะรู้นิสัยหมีดี
สิงโตหนุ่มใช้สายตาที่ดุคมจ้องมอง เขานั้นไม่ได้พูดอะไรนอกจากจ้องเฒ่าชราคล้ายจ้องเหยื่อจนคนถูกมองต้องหลบสายตา
“หากหมีตามไปที่หมู่บ้านฉันคงต้องกำจัดแม้ข้อตกลงจะสั่งห้ามก็ตาม”
“นี่นายจะทำลายข้อตกลงงั้นรึ!”
“ฉันไม่ได้ทำลายแต่ฉันต้องปกป้องหมู่บ้านเอาไว้เหมือนกัน” พูดจบสิงโตหนุ่มก็เดินออกไปจากห้องทิ้งเฒ่าชราที่นิ่วหน้าอย่างเหนื่อยใจรู้สึกว่าตัวเองแก่ไปอีกหลายปี ประตูถูกเปิดออกอีกครั้งเป็นหมอที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“หัวหน้าทำแบบนี้จะดีเหรอครับ หมีไม่มีทางยอมแน่นอนผมกลัวว่าหากเราส่งผู้หญิงไปอาจจะถูกฆ่าตายทั้งหมด”
“แล้วเราจะทำยังไงได้เราจำเป็นต้องแยกโอเมก้าออกไปไม่อย่างนั้นหมีต้องถูกพวกมันฆ่าตายแน่นอน”
“เฮ้อ…เดิมทีเราแค่ต้องการวางแผนให้ขุนหนีออกไปได้เท่านั้นและส่งผู้หญิงให้หมีเพื่อเป็นตัวแทน แต่แบบนี้มัน….”
“แล้วเอ็งจะให้ข้าทำอย่างไร ข้าไม่ใช่นายพรานที่เก่งกาจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วตอนนี้ข้าอ่อนแอไม่สามารถต่อรองกับพวกมันได้”
สองเฒ่าไม่มีความยินดีสักนิดทั้งยังรู้สึกผิดที่จะส่งมนุษย์ผู้ที่หมีให้ความสำคัญไปเป็นเหยื่อ
“แล้วโอเมก้านั่นไม่ได้แสดงอาการนั้นใช่ไหม”
“ไม่ครับ แต่ว่าก็ต้องรอดูต่อไป”
“อืม…ถ้าเกิดแสดงอาการขึ้นมาต้องรีบมารายงานฉันให้เร็วที่สุด!”
………………
ขุนนั่งอยู่บนเตียงไม้ไผ่พลางนวดขมับตัวเองให้หายมึนงง เมื่อลืมตาขึ้นมาเขาก็ถูกขังอยู่ในห้องนอนนี้แล้ว แม้จะเรียกว่าถูกขังแต่ไม่ถึงขนาดผูกมัดไว้เพราะท่าทางหมอที่จับตัวเขามาจะมีเหตุผลบางอย่าง
เขาพลางนึกถึงเมื่อตอนที่ฟื้นขึ้นมามีหมอนั่งอยู่ข้างๆ บอกขอโทษที่ทำรุนแรงเกินไปเพราะกลัวเขาจะหนีไปก่อนไม่ทำตามแผน ส่วนเรื่องที่หมอต้องพาหนีไวกว่าเดิมเขาบอกประโยคเดียวกับในจดหมายว่าไม่ต้องการให้หมีข่มเหงอีก ในตอนที่อ่านจดหมายขุนคาดเดาว่าหมอคงกลัวว่าเขาจะท้องแต่ตอนนี้ขุนคิดว่าน่าจะไม่ใช่แล้ว
ก่อนหมอจะออกไปขุนถามหาช่อแก้วเพราะเป็นห่วงเธอ หมอบอกว่าปลอดภัยดีแต่อาจต้องนอนพักสักระยะ ส่วนตัวขุนนั้นให้อยู่เพียงในห้องนี้ห้ามออกไปไหนและหากออกไปต้องมีคนติดตาม ประโยคนี้มันทำให้ขุนไม่พอใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเขา และรับรู้ว่าต้องมีเบื้องหลังบางอย่างแน่นอน
ขุนนั่งนวดขมับอยู่พักหนึ่งประตูห้องก็เปิดออก ปรากฏชายหนุ่มตัวใหญ่ผมสีน้ำตาลทองเดินเข้ามา ใบหน้านั้นนิ่งเรียบแต่แววตานั้นคล้ายกับของหมีที่ไม่สนใจสิ่งใดและแฝงไปด้วยสัญญาณชาติสัตว์ป่าที่น่ากลัว
“แกเป็นใคร”
“นายคือโอเมก้าใช่ไหม”
ขุนรู้สึกเหมือนบทสนทนานี้เคยเกิดขึ้นแล้วเหมือนกับหมีไม่มีผิดทั้งชายหนุ่มตรงหน้ามีท่าทางและร่างกายใกล้เคียงกับหมีมันทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนปกติ
“ใช่ แล้วจะทำไม”
“ต่อไปนี้นายคือตัวเมียของหมู่บ้านฉัน”
“หืม...” ขุนขมวดคิ้วยังไม่เข้าใจ เขายกมือห้ามไม่ให้ชายหนุ่มตรงหน้าพูดมากไปกว่านี้เพราะกำลังปวดหัว
“แกอย่าเพิ่งพูดอะไรมาก ฉันยังไม่อยากฟังเรื่องเครียด ว่าแต่มีบุหรี่ไหม”
คนตัวใหญ่นิ่วหน้าแปลกใจที่ถูกหยุด ขุนก็ลุกยืนมาหา
“เฮ้ย ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง บุหรี่น่ะ ไม่สิยาสูบก็พอเพราะฉันได้กลิ่นมัน” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบขุนก็พลันหงุดหงิดขึ้นมา เขาเงยหน้ามองอย่างพิจารณาเห็นเส้นผมอีกฝ่ายเป็นสีน้ำตาลทองแล้วแปลกใจแม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองเช่นกัน
“แกเป็นคนต่างประเทศหรือมาจากชนเผ่าลึกลับ”
“นายถูกกัดแล้วใช่ไหม”
ขุนรีบจับคอตัวเองทันทีเมื่อถูกถาม
“แล้วไง”
“ถึงนายจะเป็นคู่ของหมีแต่จากนี้ไปนายจะเป็นตัวเมียของคนอื่น ลืมมันไปซะ”
ขุนหยุดชะงักเขาเริ่มนึกถึงประโยคก่อนหน้าแล้วนำมาปะติดปะต่อกัน ในตอนแรกคิดว่าไอ้บ้านี่พูดเล่นแต่ท่าทางที่จริงจังและพูดประโยคเดิมๆ มันทำให้เขาเริ่มรู้แล้วว่ามันคือเรื่องจริง!
“ตัวเมียเหรอ ฉันเป็นคนเว้ย!”
ปึก!
ขุนอัดหมัดเต็มแรงใส่มุมปาก อีกฝ่ายไม่เพียงไม่ร้องว่าเจ็บแต่คนตรงหน้ากลับนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ถูกต่อย ดวงตาสีทองมองขุนอย่างเฉยชาคิ้วย่นเล็กน้อย
“มนุษย์มีแรงแค่นี้เองเหรอ”
ขุนรีบกระโดดถอยห่าง
“แกเป็นครึ่งมนุษย์จริงๆ ด้วย ตัวอะไรวะ หมีอีกหรือเปล่า!”
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับตัวสกปรกแบบนั้น”
“แล้วแกเป็นตัวอะไร”
“นายไม่จำเป็นต้องรู้ อีกสองวันนายจะต้องออกเดินทางไปกับฉันเพื่อเป็นตัวเมียของทุกคน นายไม่ต้องห่วงลูกของนายพวกฉันจะเลี้ยงดูเองไม่เอาเปรียบ”
ขุนรู้สึกว่าใบหน้าเขาร้อนผ่าวด้วยความโกรธ ตัวสั่นและกำมือแน่น อีกนิดเดียวจะระเบิดแล้ว คนตรงหน้าเรียกเขาว่าตัวเมีย ต้องการให้เขาเป็นเครื่องมือทางเพศของคนในหมู่บ้าน ต้องการให้เขาผลิตลูกอีก ถ้าไม่ให้โกรธก็บ้าแล้ว!
ขุนไม่รอช้ากระโดดถีบทันทีอีกฝ่ายเซเล็กน้อยอย่างแปลกใจ
“ฉันสู้สูสีกับหมีนะเว้ยอย่างแกฉันไม่กลัวหรอก”
ปึก!
เท้าของขุนจะเตะที่ใบหน้าหากแต่มือของอีกฝ่ายกลับจับขาเขาไว้ได้ก่อน
“เฮ้ย!”
ตอนนี้ตัวขุนนั้นขาชี้ฟ้าหัวลงล่างหากชายคนนี้ปล่อยขาเขาเมื่อไรหัวคงกระแทกพื้นเมื่อนั้น ขุนรู้สึกว่าตัวเขาถูกยกขึ้นสูง ด้านหลังมีมือมารองรับให้สามารถเปลี่ยนจากท่าห้อยโหนมาเป็นท่านั่งได้และนั่นจึงทำให้เหมือนคนตัวใหญ่กำลังอุ้มเขาอยู่
ปึก
“อัก”
ตัวขุนถูกปล่อยลงพื้นจนเจ็บหลังแต่ไม่รอข้าก็รีบลุกขึ้นมาดังเดิม ทั้งยังตั้งท่าสู้
“นายเป็นโอเมก้าที่แปลก”
“แปลกตรงไหน”
“ไม่อ่อนแอ”
ขุนพยักหน้าเล็กน้อยพอใจในคำพูด “ก็ใช่ไง แล้วทำไมแกถึงคิดว่าโอเมก้านั้นอ่อนแอ”
ไอ้เจ้านี่มันคือตัวก๊อปปี้หมีหรือเปล่าวะ ทั้งท่าทางและคำถามนั้นเหมือนกันอีก พวกครึ่งมนุษย์เป็นแบบนี้กันหมดหรือไง
“เพราะฉันเคยเห็น ตอนนี้นายพักซะฉันไม่ได้มาเพื่อสู้”
“ฉันไม่ต้องการเป็นตัวเมียของพวกแก! ฉันยอมตาย!”
ดวงตาสีทองวาวโรจน์และเบิกกว้างเล็กน้อยอย่างแปลกใจเขาไม่เคยเห็นโอเมก้าแบบนี้มาก่อน เพราะในหมู่บ้านมีโอเมก้าครึ่งมนุษย์อาศัยอยู่แม้จะมีจำนวนน้อยมากแต่นิสัยและร่างกายนั้นต่างเหมือนกัน
นั่นคืออ่อนแอเหมาะที่จะอยู่จุดล่างสุดของสังคม แต่ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่
“แปลก”
“แกนั่นแหละแปลก ไอ้ตัวเงินตัวทอง!”
ขุนไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นครึ่งมนุษย์อะไรเขาจึงเรียกว่าตัวเงินตัวทองตามเส้นผมที่เห็น และนั่นไม่ได้ทำให้คนปริศนาตรงหน้ารู้สึกเคืองอะไร
“เพราะแบบนี้สินะหมีถึงได้ไม่กินนาย” เขานั้นเดินมาใกล้และขุนเองก็เพียงนิ่งไม่ได้ถอยเท้าหนี
“แต่ถึงนายจะเป็นของหมีแล้วฉันคงปล่อยให้นายกลับไปหามันไม่ได้ เพราะหากนายกลับไปพวกฉันจะต้องฆ่าหมีและต้องฆ่านายด้วย”
“ฉันไปทำอะไรให้พวกแกถึงต้องฆ่าฉัน ถ้าอยากฆ่าหมีแกก็ไปฆ่ามันสิ”
“ถ้าฆ่าได้คงทำไปนานแล้วเพราะข้อตกลงนั้นพวกฉันจึงทำไม่ได้ ส่วนนาย…เพราะนายเป็นโอเมก้ามีสิทธิ์สูงมากที่จะให้กำเนิดทารกได้แม้หมีจะมีการสืบพันธุ์ที่ยากก็ตาม”
“หมายความว่าพวกแกไม่ต้องการให้หมีมีลูกสินะ”
“ใช่”
ขุนกัดฟันกรอด “พวกแกมันเห็นแก่ตัว ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยแต่ทางเลือกฉันมีเพียงน้อยนิด ถ้าอย่างนั้นฆ่าฉันไปเลย ฉันไม่เลือกไปหมู่บ้านแกเด็ดขาด อึก…แฮ่กๆ” ขุนจับที่อกตัวเองรู้เจ็บอย่างแปลกประหลาดขณะที่กำลังจะเซล้มนั้นมือของคนที่ยืนอยู่ก็จับแขนเขาไว้
“อย่ามาจับฉัน!” ขุนรีบแกะมือใหญ่แล้วค่อยๆ เดินไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอน โดยที่คนผมสีน้ำตาลทองยังจ้องมองอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อเห็นว่าขุนหลับไปแล้วจึงค่อยๆ เดินออกไป
ขุนลืมตาอีกครั้งเมื่อประตูปิด
“แล้วทำไมแกไม่ไปเป็นตัวเมียแทนละวะ!”
……………………………………
เสียงคำรามดังสนั่นป่า ฝีเท้าแทบสั่นสะเทือนพื้นดินรอบๆ ฝูงสัตว์ต่างกระเจิงหนีเมื่อความพิโรธของสัตว์ตัวหนึ่งได้ทำให้พวกมันหวาดกลัว ร่างกายที่ใหญ่โต ขนดำเมี่ยม วิ่งอย่างไม่รู้ทิศทางอย่างบ้าคลั่งพยายามตามหากลิ่นที่คุ้นเคยแต่ว่าสายฝนนั้นได้ชะล้างจนไม่อาจหาพบ
โกรธ!
แต่ว่าก็เจ็บปวด
หมีไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมนอกจากความโกรธแล้วหัวใจนั้นยังต้องเจ็บขนาดนี้ หมีหยุดฝีเท้าลงเหลือเพียงความเงียบเท่านั้นที่ยังคงอยู่ เมื่อก่อนเขาอยู่คนเดียวได้ไม่รู้จักความเหงา ใช้ชีวิตลำพังแต่ตอนนี้มันเงียบเกินไป มีสิ่งหนึ่งได้หายไปจากชีวิต
“ขุน…”
เขานึกถึงมนุษย์ที่จับตัวมา ช่างน่ารำคาญ แต่ว่ายังไม่เบื่อ และตอนนี้ได้หายไปแล้ว
“ทำไมถึงหนีไปจากฉัน”
หมีพูดเสียงเบาแต่พวกครึ่งมนุษย์ที่อยู่ในร่างสัตว์ซึ่งลอบมองอยู่นั้นกลับได้ยิน พวกมันมองหน้ากันอย่างตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าหมีจะมีความรู้สึกแบบนี้ มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แค่คู่ชั่วคราวธรรมดาแล้ว
เพราะหมีกำลังเห็นมนุษย์คนนั้นสำคัญ
ขณะที่กำลังจะไปรายงานกลับต้องตกใจสุดขีดเมื่อจู่ๆ หมีก็กระโจนเข้ามา ความรู้สึกหวาดกลัวได้กัดกินหัวใจจนทำได้แต่เพียงวิ่งหนีเท่านั้น
“พวกแกพาเขาไปใช่ไหม!!”
“อ๊ากกกก”
……………………
เฮือกกกก
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
“ช่อแก้ว”
ขุนตื่นมาอีกครั้งในเช้าต่อมาและเห็นช่อแก้วนั่งอยู่ข้างๆ แขนของเธอมีผ้าพันและไม้ดามไว้ ส่วนที่หัวมีผ้าทำแผลไม่ต่างกัน
เขาลุกนั่งมองเธออย่างแปลกใจ
“ไม่เป็นไรแล้วเหรอ”
“ยังเจ็บอยู่ค่ะ แต่ขายังเดินได้เลยมาหาคุณ”
“แต่หมอบอกคุณควรพักสักระยะ”
“ฉันเบื่อน่ะค่ะ แล้วคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร”
ทั้งสองยิ้มให้กัน เป็นช่อแก้วที่หน้าแดงเพราะเธอไม่เคยได้รับความใจดีจากผู้ชายคนอื่นเลยนอกจากพ่อ เพราะเมื่อโตเป็นสาวถูกชาวบ้านทำเหมือนเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์และสุดท้ายก็ถูกหัวหน้าส่งมาที่หมู่บ้านนี้ในฐานะสิ่งของทางเพศของหมี เรียกว่าแทบตลอดชีวิตไม่เคยมีใครดีกับเธอเลย
แต่เมื่อเธอเจอขุนที่ใจดีทั้งยังเป็นห่วงอุ้มพาหนีมาด้วยกัน ในใจเธอจึงรู้สึกดีต่อขุนมากขึ้นแม้อีกฝ่ายจะเป็นโอเมก้าและมีคู่แล้วก็ตาม
ขุนยื่นมือจับใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
“ผมอยากช่วยคุณ”
“ขอบคุณค่ะ แต่คงไม่มีทางเป็นไปได้ ฉันคงต้องอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิต”
ขุนเมื่อได้ยินพลันรู้สึกเศร้าที่ไม่อาจช่วยได้จริงๆ เขานั้นเจอผู้หญิงมามากแต่ไม่เคยมีใครน่าสงสารขนาดนี้ทั้งในใจขุนเองก็รู้สึกดีกับเธอคงเพราะเมื่อเราอยู่กับใครสักคนในสถานการณ์คับขันและอยู่ในสถานะที่ลำบากเหมือนกัน จึงเกิดความรู้สึกที่ผูกพัน
สำหรับขุนมันไม่ถึงขนาดเรียกว่ารักแรกพบแต่ก็ยอมรับว่าหัวใจเริ่มหวั่นไหว มือที่จับใบหน้าเธอเปลี่ยนเป็นโอบจับรั้งที่คอเพื่อจะจูบแต่ต้องหยุดชะงักแล้วเปลี่ยนจากที่ปากเป็นหน้าผากแทน
ช่อแก้วยิ้มหน้าแดง
“ถ้าคุณคู่กับผม คุณคงหลุดพ้นใช่ไหม”
ช่อแก้วเบิกตากว้างเมื่อได้ยินริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีความสุข แต่เมื่อเธอมองตรงหลังคอของขุนที่มีผ้าพันก็ต้องหน้าเศร้า
“หมีเป็นคู่ของคุณ เขาไม่มีทางปล่อยคุณไปง่ายๆ”
ขุนนิ่วหน้าเครียดไม่ใช่แค่เรื่องหมีเพราะตอนนี้มีเรื่องตัวเงินตัวทองคนนั้นที่พยายามจะให้เขาไปเป็นตัวเมียของคนในหมู่บ้าน
“ช่อแก้วคุณรู้หรือเปล่า ว่าผู้ชายผมสีน้ำตาลทองตัวใหญ่คือใคร”
ช่อแก้วตัวสั่นเทาทันที “คะ…คนนั้นถ้าตามที่เคยได้ยิน…เขาเป็นครึ่งมนุษย์ค่ะ…เขามาจากหมู่บ้านอื่น…”
“แล้วพวกนั้นมาทำไม”
“ฉันไม่รู้ค่ะ แต่พวกเขาน่ากลัวมากทุกคนที่หมู่บ้านฉันและที่นี่ต่างเคารพพวกเขา”
ขุนพยักหน้าเข้าใจเพราะยังไงพวกนั้นก็คือสัตว์ที่น่ากลัว
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าเจ้าคนผมสีน้ำตาลทองเป็นสัตว์อะไร”
“ฉันไม่รู้ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไร แต่ผมว่าตอนนี้คุณน่าจะไปนอนพักนะเดี๋ยวจะป่วยได้”
“แต่ว่าคุณไม่เป็นไรแน่นะคะทำไมหน้าซีดนัก”
ขุนจับหัวใจตัวเองที่เริ่มปวดหนึบๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อาจจะเป็นโรคหัวใจแต่มันกะทันหันเกินไปจนยากที่จะยอมรับ
“ไม่เป็นไร..อึก” ขุนกัดฟันแล้วฟุบนอนอีกครั้ง
“คุณขุน!” ช่อแก้วลุกพรวดเข้าหาอย่างตกใจ
“ผมไม่เป็นไร..คะ..แค่นอนพักก็พอ”
“ฉันจะไปเรียกคนมานะคะ!”
ขุนพยายามรั้งแต่เธอวิ่งไปก่อน เขากุมที่อกอย่างทรมานในหัวนั้นปรากฏภาพของหมีมันเป็นความรู้สึกที่คิดถึงอย่างมาก คิดถึงจนเจ็บที่หัวใจ
เกิดอะไรขึ้นกับฉัน ทำไมต้องคิดถึงหมี
ช่อแก้วนั้นรีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างแตกตื่น เข้าไปหาหมอแล้วบอกเรื่องราว หมอไม่รอช้าวิ่งมาดูอาการทันที เมื่อเห็นขุนกุมอกตัวเองแล้วทุรายอย่างเจ็บปวดก็ต้องรีบเรียกสติ
“ขุน ขุน!”
“มะ..หมี…พาผมไปหาหมีที…อึก…”
เมื่อได้ยินคำนี้หมอต้องเบิกตากว้าง ตัวแข็งค้างไปชั่วขณะ พร่ำบอกว่าไม่จริงจนช่อแก้วต้องรีบเรียกคืนสติ หากแต่หมอกลับเอาแต่ส่ายหน้าเหมือนสติหลุด
“หมอ ช่วยคุณขุนสิคะ! เขาทรมานมาก!”
“ไม่มีทาง…อาการนี้มัน”
“ทำไมคะหรือช่วยไม่ได้”
“ไม่ใช่..แต่ว่า..”
หมอรีบคืนสติแล้วหายาสมุนไพรเพื่อระงับประสาทให้ขุนกินทั้งสดๆ สักพักขุนถึงบรรเทาลงและนอนหลับไปอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นคะหมอ คุณขุนจะเป็นอะไรไหม”
หมอไม่ตอบแต่รีบออกไปจากห้องทันที ระหว่างนั้นเดินสวนทางกับเจ้าของร่างใหญ่ผมสีน้ำตาลทองพอดี หมอเหงื่อไหลอย่างสั่นกลัวพยายามระงับไม่ให้เผยพิรุธ จะเดินเลี่ยงแต่กลับถูกเรียกไว้
“เดี๋ยว เกิดอะไรขึ้นใครเป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรแค่ขุนป่วยเล็กน้อยเท่านั้น”
“ป่วยเหรอ”
เขานิ่วหน้าเมื่อนึกถึงตอนที่เข้าไปในห้องเมื่อวานและขุนทำท่าเหมือนจะป่วย ดังนั้นเท้าจึงก้าวเดินเพื่อที่จะไปดูด้วยตนเองเพราะหากตัวเมียเป็นอะไรขึ้นมาสิ่งที่ทุ่มมาจะสูญเปล่า
“เดี๋ยว! อย่าไปเลยเดี๋ยวคุณจะติดหวัด”
ดวงตาสีทองหันมองหมอด้วยท่าทีที่สูงส่งและเหยียดหยาม
“คิดว่าฉันจะอ่อนแอเหมือนมนุษย์เหรอ” พูดเพียงเท่านั้นก็เดินจากไป ส่วนหมอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแต่ว่าเรื่องที่เพิ่งพบเจอนั้นร้ายแรงยิ่งกว่าเขาจึงรีบไปหาหัวหน้าหมู่บ้านทันที
เมื่อร่างสูงใหญ่เปิดประตูก็เห็นช่อแก้วนั่งเฝ้าอย่างเป็นห่วง ไม่ต้องเอ่ยพูดเธอก็รีบออกไปทันทีด้วยความกลัว ดวงตาสีทองจ้องมองขุนที่กำลังนอนหลับคิ้วขมวด เหงื่อหน้าผากซึมและท่าทางยังทรมาน
เขายื่นมือไปจับหน้าผากไม่พบว่าตัวร้อนแต่กลับเย็น ขณะที่กำลังจะยกมือกลับมือของขุนก็คว้าไว้ก่อน จนคนตัวใหญ่มีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“ยะ..อย่าไป..อยู่กับฉันก่อน”
“นายพูดกับฉันเหรอ”
เขามองขุนที่ยังคงหลับ หางตาชุ่มไปด้วยน้ำตา ทั้งอีกมือยังกุมที่อกขยุ้มเหมือนเจ็บปวด
“ยะ…อย่าไป…ฉันไม่อยากอยู่ห่างจากแก…”
“ไม่อยากอยู่ห่างจากฉันเหรอ…ทำไม”
“เพราะฉัน…เหมือนจะตาย…”
ดวงตาสีทองเบิกกว้าง หัวใจเริ่มรู้สึกอบอุ่นเพราะมีคนบอกว่าหากอยู่ห่างจากเขาเหมือนจะตาย ไม่มีใครเคยพูดแบบนี้กับเขามาก่อน มนุษย์ตรงหน้ากลับพูดออกมา
สิงโตไม่เคยได้รับความอบอุ่น เกิดมาไม่นานแม่ต้องจากไปมีเพียงพ่อที่ดูแล โตขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยวและเย็นชาต่อคนรอบข้างเพราะหากไม่ทำแบบนั้นในฐานะว่าที่ราชาคนต่อไปคงจะถูกหยามเหยียด เขาจึงโตมาโดยไม่มีหัวใจ
“นายจะตายจริงๆ เหรอ ถ้าไม่มีฉัน”
“ตาย...ฉัน…ช่วยด้วย…ฉันเจ็บ” มือของขุนบีบมือของอีกฝ่ายแน่นอย่างทรมาน สิงโตจึงนั่งลงบนเตียงแล้วบีบมือตอบเล็กน้อยเพื่อให้รับรู้
“ฉันจะไม่ไปไหน นายหลับเถอะ”
เพียงเท่านั้นขุนก็ค่อยๆ สงบลงและหลับลึกหยุดทรมาน
………………
“หัวหน้าแย่แล้วครับ!”
สิงหะที่กำลังสนทนากับชาวบ้านคนอื่นด้านนอกต้องตกใจเมื่อหมอรีบวิ่งฝืนสังขารชรามาหาอย่างแตกตื่น ใบหน้าของคนที่ถูกเรียกเริ่มตึงเครียดเพราะคิดว่าต้องเจอเรื่องปวดหัวแน่นอน
เขาจึงโบกมือให้คนที่อยู่คุยออกไปก่อน
“มีอะไร”
“คือ…คือขุนแสดงอาการ…”
“ท้องเหรอ!”
“เปล่าครับ แต่ว่ากำลังทรมานเรียกหมี…”
เพียงเท่านั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็ตาค้างจนแทบช็อก สภาพไม่ต่างจากหมอที่แทบสติแตกเหมือนกัน ขาเกือบเซล้มแต่หมอก็รีบจับแขนรั้งไว้และรีบพากันเดินกลับไปที่ห้องทำงานเพื่อพูดคุยอย่างลับๆ
“มะ..ไม่อยากจะเชื่อเลย” สิงหะนั่งลงเก้าอี้ นวดขมับรู้สึกตึงเครียดอย่างหนัก
“ทำยังไงดีครับ..แบบนี้มันคืออาการของคู่แห่งโชคชะตาที่ถูกจับแยกจากคู่ของตัวเองนะครับ”
“เฮ้อ..นี่มันอะไรกัน”
“หัวหน้า หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปขุนต้องตายแน่นอน….และโอกาสที่หมีจะมีทายาทก็หมดลงนะครับ”
ทั้งสองคนหน้าซีด พวกเขาหวังมาตลอดว่าหมีจะต้องมีทายาทแต่เพราะข้อตกลงที่ทำกับพวกครึ่งมนุษย์และกลัวว่าพวกนั้นจะทำร้ายหมีพวกเขาจึงไม่ค้านที่จะแยกขุนออกมา เเต่เมื่อรู้ว่าขุนเป็นคู่แห่งโชคชะตาทั้งสองคนจึงช็อกอย่างมาก
ตอนแรกหากขุนท้องเขาอาจยอมให้พวกครึ่งมนุษย์ฆ่าขุนพร้อมลูกในท้องเพราะอย่างไรยังมีโอเมก้าอีกมากมายที่อาจจะให้กำเนิดทายาทได้
แต่ตอนนี้ขุนจะตายไม่ได้ ขุนคือคู่แห่งโชคชะตาของหมีที่พวกเขารักเหมือนลูก
“ทำยังไงดีครับ”
“เราจะปล่อยให้คู่ของหมีตายไม่ได้”
“จะพากลับเหรอครับ แล้วพวกสิงโต…”
หัวหน้าหมู่บ้านกำมือแน่น เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปเหมือนกันแต่ไม่ว่ายังไงต้องรักษาชีวิตของคู่แห่งโชคชะตาของหมีให้ได้