STEAL HEART 29
" เจ้าของห้อง..โอ้โหพูดซะห่างเหิน " คนตัวโตบ่นอุบอิบก่อนจะคว้าเอาผ้าห่มที่เขาโยนทิ้งกลับขึ้นมาอีกครั้งเพราะคงเริ่มรู้สึกถึงอากาศภายในห้องที่หนาวเย็น
" ห่างเหินอะไรฉันพูดความจริง "
" ความจริงเหรอ? ความจริงตอนนี้ก็คือฉันเป็นผัวเธอแล้ว..ฉะนั้นห้ามขัดใจ "
" เซต้า! " ฉันเรียกชื่อเขาเสียงดังด้วยความรู้สึกไม่แฟร์ที่ไม่สามารถขัดใจเขาได้เหมือนที่เคยทำทุกครั้ง..แต่ก็เอาเถอะค่ะวันนี้จะปล่อยไปก่อน ฉันว่าเขาคงวางมาดได้ไม่นานนักหรอก เพราะถ้าตอนนี้ฉันใส่เสื้อผ้าอยู่เซต้าจะถูกริ้วหูแล้วลากออกจากห้องไปนอนที่โซฟาทันที
" ปะๆ นอนๆ ค่อยโมโหต่อพรุ่งนี้เช้านะ ^3^ "
นายตัวร้ายตีมึนและยิ้มร่าด้วยความสบายใจ ก่อนเข้าจะดึงฉันเข้าไปกอดเอาไว้ทันที..เฮ้อ ค่ำคืนที่แสนวิเศษกับผู้ชายสามคาแรคเตอร์ นี่มันเหมือนละครน้ำเน่าในทีวีเลยแฮะ..แต่ฉันก็ชอบนะ ชอบ..เพราะพระเอกของละครน้ำเน่าเรื่องนี้เป็นเซต้ายังไงล่ะ
" ..ฝันดีนะคนบ้า "
" ..ฝันดีนะเมียคนบ้า :) "
..เช้าวันต่อมา
[Zeta Talk]
ผมตื่นนานแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ลุกไปไหนเพราะกำลังมีใครบางคนนอนทับแขนผมอยู่น่ะสิ..แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่อยากดึงแขนออกเลยสักนิดต่อให้มันจะชาไปหมดแล้วก็ตาม คนตัวเล็กนอนหลับตาพริ้มลมหายใจร้อนผ่าวที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอนั่นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังจมอยู่ในห่วงนิทราอันแสนสุขสบาย
ดวงตากลมโต จมูกนิด คางหน่อย..ผิวพรรณผ่องใสไร้ที่ติของเธอมันชวนให้ผมหลงรักไปซะทุกอย่างจริงๆ หลินเหมือนกับผู้หญิงทั่วไปที่ผมเคยเจอครับไม่ได้แตกต่างอะไร ขี้งอน ขี้อ้อน ชอบเดินห้างซื้อนั่นนี่เหมือนผู้หญิงคนอื่น..แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้หลินไม่เหมือนคนอื่นเลย
..นั่นคือผมรักเธอ รักมาก..มากจริงๆ
ครืดดด! ครืดดด!
จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบของผมลงจนราบคาบไม่เหลือแม้แต่ชิ้นดี เพราะเสียงของมันทำเอาคนตัวเล็กที่นอนหนุนแขนผมอยู่ตื่นเสียแล้ว..ให้ตายเถอะเจ้าโทรศัพท์บ้านั่นเริ่มทำผมหงุดหงิด
" ฮัลโหล!? " ผมกดรับสายไปทันทีไม่ทันได้มองว่าใครโทรเข้ามา
" ฮัลโหลพ่อง! อยู่ไหนแล้วไอ้เหี้ย..มึงกะจะให้กูรอจนแต่งงานสร้างครอบครัวในสนามบินเลยเหรอวะ? " ไอ้เฟยโวยวายใส่ผมอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนทันทีที่ผมเอ่ยทัก คือวันนี้ผมต้องไปรับมันที่สนามบินตอนเก้าโมง และแน่นอนครับว่าผมลืมสนิท เมื่อคืนผมนอนหลับสบายเกินไปหน่อยกว่าจะลืมตาตื่นได้ก็สิบเอ็ดโมงแล้วน่ะสิ
" ..กูเพิ่งตื่น "
" แหมคันปากอยากด่าฉิบหายแต่ไว้ก่อนละกัน..ตกลงตอนนี้จะออกมารับกูได้ยัง? "
" ไม่ละ..เดี๋ยวกูให้คนรถไปรับแทนละกัน "
" เหมือนกูโดนบอกเลิกยังไงไม่รู้ เศร้าจุง "
" มึงไม่มีไรแล้วใช่มั้ย? แค่นี้นะ.. "
ตู๊ด!
ผมตัดสายทิ้งไปทันทีและรีบโทรบอกให้คนรถไปรับไอ้เฟยที่สนามบินแทน คือผมไม่อยากไปไหนเลยเว้ยวันนี้อยากนอนเล่นอยู่กับหลินแค่สองคน ดูทีวีด้วยกัน ทำอาหารกินกัน เป็นวันว่างๆ ที่ไม่มีอะไรหวือหวาแต่โคตรมีความสุข..วันว่างๆ ที่ผมฝันถึงมาตลอด
" คนนิสัยไม่ดีเบี้ยวนัดเพื่อน.. " หลินเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วพูดขึ้นเสียงเอื่อยๆ ตามประสาคนเพิ่งตื่นนอน
" ฉันอยากอยู่กับเธอมากกว่า "
" ความเอาแต่ใจของนายทำให้คนอื่นต้องรอรู้มั้ย..วันหลังห้ามทำแบบนี้แล้วนะ "
" ค้าบบบ..จะไม่ทำแล้วค้าบ " ผมรับปากหลินไปอย่างว่าง่าย ตั้งแต่เราคบกันผมเชื่อฟังเธอสุดๆ ไปเลยนะจะบอกให้พูดอะไรก็ฟังหมดไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้นขอแค่เอ่ยปากบอกมา ผมคนนี้ก็พร้อมจะทำให้ทุกอย่างแล้ว
" วันนี้นายจะไปไหนรึเปล่า? "
" ไม่ไปไหนหรอกฉันจะอยู่กับเธอทั้งวันเลย "
" น่ารักมากค่ะ..งั้นเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ "
" ลุกไหวมั้ยนั่น -.- " ผมนั่งดูหลินที่ค่อยๆ กระเถิบลงจากเตียงไปด้วยความทุลักทุเล นี่ดีนะเมื่อคืนผมหาชุดคลุมมาให้เธอสวมไว้ไม่งั้นได้หนาวตายแต่ๆ เพราะเวลานอนหลินชอบสะบัดผ้าห่มออกครับ เอาง่ายๆ ก็คือนอนดิ้นนั่นแหละ
" ไหวแต่มัน..เจ็บจัง >< "
" งั้นเดี๋ยวอุ้มไป "
" ไม่! หยุดเลย! นายหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ.. " หลินหันมายกมือห้ามผมเอาไว้ทันทีที่เห็นว่าผมกำลังจะลุกไปหาเธอ
" ทำไมอะ? "
" ก็นายไม่ใส่อะไรเลย..จะลุกเดินไปมาพร่ำเพรื่อได้ยังไงบ้ารึเปล่า! "
" เห็นกันหมดแล้วววว มาเขินอะไรล่ะเธอก็ "
" ไม่ๆ ไม่เอา ฉันจะไปเองนายนั่งนิ่งๆ อยู่นั่นแหละเดี๋ยวฉันเอาผ้าขนหนูมาให้ " ยัยตัวเล็กยืนกรานไม่ยอมให้ผมอุ้มพลางค่อยๆ ลุกออกไปจากเตียงช้าๆ และหยิบผ้าขนหนูมาวางไว้ให้ผมทันที ก่อนเธอจะหายเข้าห้องน้ำไป
ครืดดด! ครืดดด!
ทว่าไม่นานนักในณะที่ผมกำลังรอหลินอาบน้ำอยู่ จู่ๆ ไอ้เจ้าโทรศัพท์ตัวกวนมันก็ดังขึ้นอีกครั้งเพราะมีสายโทรเข้ามา..ผมจ้องมองมันนิ่งๆ อย่างนั้นไม่คิดจะรับเพราะผมไม่อยากเจรจาหรือสนทนากับใครทั้งนั้นนอกจากหลินคนเดียว
ครืดดด! ครืดดด!
แต่แล้วสายมรณะนั่นก็โทรเข้ามาเป็นครั้งที่สองทันทีหลังจากครั้งแรกเพิ่งตัดไปได้ไม่กี่วินาทีมันทำเอาผมชักเริ่มสงสัยแล้วสิว่าใครมันมีธุระด่วนกับผมกันแน่ เพราะตามมารยาทอล้วถ้าโทรครั้งแรกไม่รับควรรอก่อนค่อยโทรอีกครั้ง แต่นี่มาติดๆ กันถึงสองสาย..มันต้องมีอะไรมั่งล่ะวะ
ผมเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์นั่นมาแล้วกดรับทันทีไม่ได้สนใจว่าใครโทรมา ผมมักทำแบบนั้นเสมอแหละเวลาหงุดหงิด เพราะดูไปก็เท่านั้นยังไงผมก็รับสายอยู่ดีจะดูให้หงุดหงิดกว่าเดิมทำไม
" ฮัลโหล? "
" ถ้าฉันอยากจะคุยกับลูกชายตัวเองฉันต้องโทรถึงสองครั้งเลยเหรอกว่าจะยอมรับสาย? "
" ..ผมเพิ่งได้ยินครับ " นั่นแม่ผมเองครับ นานๆ ทีถึงจะโทรมาหาผมครั้งนึง และโทรแต่ละทีก็ต้องมีเรื่องสำคัญมาพูดเสมอ ไม่มีหรอกครับที่โทรมาทักทายตามประสาแม่ลูก..แต่ก็เอาเถอะผมชินและเลิกคาดหวังกับเรื่องเล็กน้อยพวกนั้นไปนานแล้วล่ะ
" แกรู้ แต่แค่ไม่รับก็เท่านั้น..นิสัยนักธุรกิจไม่เคยปล่อยให้ใครต้องรออยู่แล้ว "
" แม่ไม่ได้รู้จักผมเลย..แม้แต่นิดเดียว "
ถึงผมจะทำธุรกิจ และมีสายโทรเข้ามาไม่ต่ำกว่าสิบสายต่อวันก็จริง แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจำเป็นต้องรับ..ถ้าผมไม่อยากรับหรือหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ผมก็ไม่คุย เลี่ยงไปเลยดีกว่าไม่งั้นจะเสียคงามรู้สึกกันเปล่าๆ และที่แม่พูดถึงนิสัยนักธุรกิจ..ผมไม่มีมันหรอกเพราะผมเพิ่งจะทิ้งเพื่อนตัวเองรอเก้ออยู่ที่สนามบิน
" เอาเถอะ..ฉันเข้าเรื่องเลยดีกว่า "
" ครับ "
" ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามบิน อีสองชั่วโมงเจอกันที่บ้าน..ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก "
" แม่โทรหาผมเคยไม่มีเรื่องด้วยเหรอครับ? "
" นี่! "
" วันนี้ผมไม่ว่าง..พรุ่งนี้เช้าแล้วกันนะครับ "
" ฉันจะคุยวันนี้! อย่าให้ฉันต้องไปหาแกถึงที่นะเซต้า "
ทันทีที่แม่ยื่นคำขาด ผมก็ถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว..ผมจะให้แม่รู้ว่าผมอยู่ห้องหลินไม่ได้เด็ดขาดตราบใดที่แม่ยังไม่ยอมรับเธอ หากมีจุดอ่อนแม้เพียงนิดเดียวแม่จะทำลายเธอไม่เหลือชิ้นดี..ผมรู้ว่าแม่จะทำมันแน่หากว่าผมยังดื้อด้าน
" ..ครับ งั้นเดี๋ยวเจอกัน " ผมกัดฟันรับปากแม่ไปแบบนั้นก่อนจะตัดสายทิ้งไปทันที
" มีอะไรรึเปล่า? " หลินเดินตรงมาหาผมด้วยท่าทีเป็นห่วง เธอเพิ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จครับ และผมไม่อยากพูดคำนี้เลยแต่ผมจำเป็นจริงๆ ...
" แม่ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย..ฉันคงอยู่กับเธอต่อไม่ได้นะหลิน "
" แม่นาย..กลับมาเหรอ? "
" ใช่ กลับมาแล้ว "
" งั้นนายไปเถอะ วันอื่นเราค่อยอยู่ด้วยกันก็ได้..ยังไงแม่ก็สำคัญที่สุดนะ " คนตัวเล็กพูดขึ้นด้วยความใสซื่อ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนแบบแม่ผมทำอะไรได้บ้าง..แต่ก็เอาเถอะครับผมต้องรีบแล้ว
" ฉันขอโทษนะ.. "
" อย่าคิดมากน่า..เรื่องแค่นี้เอง "
" เฮ้อ..โอเค เสร็จแล้วฉันจะโทรหานะ "
" ค่ะ ขับรถดีๆ ล่ะ ^ ^ " ผมพยักหน้างึกงักก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาจากคอนโดทันที
ณ บ้านอัครสกุล
ผมจอดรถไว้หน้าบ้านแล้วรีบเดินเข้าไปข้างในทันที เพราะผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันมีเรื่องอะไรนักหนาถึงกับต้องคุยกันให้ได้เนี่ย..ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าผมยังเป็นลูกอยู่จริงๆ รึเปล่า หรือแค่คนที่จะสืบทอดกิจการ
ผมพยายามไม่คิดอะไรมากเพราะยังไงแม่ก็เป็นแบบนี้เสมอถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเธอรักผมบ้างมั้ย เป็นห่วงผมบ้างรึเปล่า แต่ผมรักและห่วงเธอเสมอ..ถึงแม้เราจะมีความทรงจำดีๆ ร่วมกันแค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของช่วงชีวิตก็ตาม
" ..ใบหม่อน? " ผมขมวดคิ้วเป็นปมยุ่งเหยิงทันทีที่เห็นว่ายัยใบหม่อนต้องมานั่งหน้าซีดอยู่ในบ้านผมแบบนี้..ชุดกาวน์หมอสีขาวสะอาดตานั่นบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าแม่ผมคงโทรเรียกเธอมาแบบกะทันหันแน่ๆ นี่ไม่รู้ว่าเรียนอยู่หรือยังนะถึงได้มาเต็มยศขนาดนี้
" มาแล้วเหรอ? เร็วกว่าที่ฉันคิดนะ.. "
ผู้หญิงมีอายุในชุดสูททำงานนั่งหลังตรงดูสง่างามสายตาแน่วแน่ที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยนั่นจ้องมองมาทางผมนิ่งๆ ..เธอคือนักธุรกิจที่เพอร์เฟคไปซะทุกด้าน เป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจไม่เกรงกลัวใคร และกล้าทำลายทุกสิ่งที่ขัดขวางผลประโยชน์ได้ไม่ว่ามันจะต้องแลกกับอะไร..นั่นแหละแม่ผมเอง
" เรียกใบหม่อนมาทำไมครับ? แม่รู้บ้างมั้ยว่าเธอเรียนหนัก..นี่ยังใส่ชุดกาวน์อยู่เลย " ผมพูดพลางมองไปที่ใบหม่อนนิ่งๆ
" ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้เป็นเวลาพักของฉันน่ะ.. "
" ไม่เป็นไรได้ไง วันๆ เธออยู่แต่โรงพยาบาลเวลาพักก็แค่ชั่วโมงเดียว..แล้วยัง "
" จะยื่นค้ำหัวฉันอีกนานมั้ย? " แม่แทรกขึ้นทันทีที่เห็นว่าผมกำลังเป็นเดือดเป็นร้อนที่เธอไปพาไปหม่อนมาเสียเวลาแบบนี้..ผมได้แต่เงียบไม่พูดอะไรและทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาข้างๆ ใบหม่อนทันที
" ธุรกิจสนามแข่งเป็นยังไงบ้าง? "
" แม่ไม่คิดจะถามผมหน่อยเลยเหรอ..ว่าผมเป็นยังไง สบายดีมั้ย..คิดถึงแม่กับพ่อบ้างรึเปล่า? "
" ..นี่ซื้อรถใหม่อีกแล้วเหรอ ครั้งนี้หมดไปเท่าไหร่ล่ะกับสิ่งของไร้สาระ "
..เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมถามเลยแม้แต่น้อย ทำเพียงเหลียวมองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นรถคันใหม่ของผมจอดอยู่ตรงนั้นสองสามคัน..หึ ถ้าเธอไม่สนเรื่องอื่นจริงๆ งั้นก็แล้วแต่เลยครับผมชิน
" เข้าเรื่องเถอะครับ..ผมเหนื่อยจะตอบเรื่องรถแล้ว "
" ..เมื่อวานจู่ๆ คุณแม่ใบหม่อนก็โทรมาหาฉันเพื่อขอยกเลิกการหมั้น..นี่แกไปทำอะไรให้หนูใบหม่อนไม่สบายใจรึเปล่า? " ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เองไอ้ผมก็นึกว่าอะไรใหญ่โต..นี่ใบหม่อนคงตัดสินใจคุยกับแม่เธอได้แล้วสินะไม่งั้นแม่ผมคงไม่ฉุนใส่ผมขนาดนี้
" ผมไม่ได้ทำอะไร และเราก็ไม่ได้รักกันอยู่แล้วจะยกเลิกงานก็ไม่แปลก "
" หม่อนเป็นคนบอกแม่เองค่ะคุณป้า ว่าไม่อยากหมั้นกับต้า..คุณป้าอย่าโกรธต้าเลยค่ะ "
" ฉันน่าจะให้พวกเธอหมั้นไปเสียตั้งแต่แรก..ไม่น่าหลงเชื่อคำสัญญาของเธอสองคนเลยจริงๆ "
ผมกับหม่อนเคยรับปากกับแม่ไปครับว่าเราจะหมั้นกันแน่นอนตามที่ผู้ใหญ่ตกลง เพียงแต่ระหว่างที่เราเรียนอยู่ไม่อยากให้เอาเรื่องพวกนี้เข้ามาเกี่ยวขอให้พวกท่านรอไปก่อนจนกว่าผมจะเรียนจบ..แต่พอมันจวนเวลามาทุกทีผมกับหม่อนก็ไม่สามารถถ่วงไว้ได้อีก
ใบหม่อนก็จำเป็นที่จะต้องพูดความจริงแหละครับว่าเราไม่ได้อยากหมั้นกันตั้งแต่แรก ส่วนถ้าถามว่าทำไมไม่คุยไปให้จบๆ จะรอทำไม..เพราะกว่าใบหม่อนจะกล้าไปคุยกับแม่เธอได้มันก็กินเวลาไปครึ่งค่อนปีแล้ว และกว่าแม่เธอจะยอมมันก็เลยเถิดมาจนถึงตอนนี้ยังไงล่ะ
" หนูขอโทษจริงๆ ค่ะคุณป้า.. "
" น่าผิดหวังที่สุด..ฉันพยายามทำเพื่ออนาคต ฉันปูทางให้พวกเธอไว้อย่างสวยงาม..แต่กลับเลือกจะไม่ไขว่คว้ามันเอาไว้ "
" ผมจะไขว่คว้าทำไมถ้ามันไม่ได้ทำให้ผมมีความสุข..แม่กับคุณน้าบังคับให้ผมกับหม่อนรักกันทั้งๆ ที่ความรู้สึกเราไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด..เรื่องนี้ต่างหากครับที่น่าผิดหวัง "
" ความสุขเหรอ..แกกินมันได้รึไง "
ทำไมผู้ใหญ่ชอบพูดแบบนี้ผมละไม่เข้าใจเลยจริงๆ หรือมันเป็นค่านิยมไปแล้วว่าคนเราต้องไขว่คว้าเงินทองและชื่อเสียงทางสังคม โดยที่ต้องทิ้งความสุขของตัวเองไป..หึ ถ้ามันเป็นค่านิยมจริงๆ ผมคงไม่ใช่คนที่จะนิยมด้วยหรอกนะ นี่ชีวิตผม ผมเลือกเอง
" ความสุขมีไว้รู้สึกครับแม่ ไม่ได้มีไว้กิน.. "
------------------------------
#ตอบดีเอาไปสิบคะแนนเต็มค่ะสามี