บทที่ 1 50%
......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
สองสามีภรรยากำลังวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างร้อนรนเมื่อได้ข่าวว่ารุ่นพี่ที่ตัวเองนั้นเคราพรักได้เกิดอุบัติเหตุ ทั้งสองวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่พลจะเป็นยังไงบ้าง”สาธรพูดออกมาในใจก็ขอให้ครอบครัวของรุ่นพี่นั้นปลอยภัยทั้งหมด
“ใช่ค่ะ แล้วไม่รู้ว่าหนูตาเค้าจะเป็นยังไงบ้าง อายุยังน้อยอยู่เลย ไม่น่าจะเจอเรื่องแบบนี้”
สาวิกานึกห่วงไปถึงสาวน้อยที่เธอนั้นนึกเอ็นดูตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งเธอไม่มีลูกสาวเธอก็ยิ่งรักขวัญตาเข้าไปอีก
“ทุกอย่างมันต้องเรียบร้อย ถึงมือหมอแล้วทุกคนต้องปลอดภัย”
สาธรและสาวิกานั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินนานมาก จนคุณหมอนั้นออกมาทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปถามทันทีด้วยความเป็นห่วง
“หมอครับ รุ่นพี่ผมกับครอบครัวเป็นยังไงบ้างครับ พวกเขาปลอดภัยหรือเปล่า”สาธรถามออกมา
“ตอนนี้คนไข้ที่เป็นเด็กผู้หญิงปลอดภัยแล้วนะครับ แค่ได้รับกระแทกเท่านั้น แต่ส่วนคนไข้ผู้หญิง หมอไม่สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ เพราะเธอได้เอาร่างปกป้องลูกสาวของเธอตอนเกิดอุบัติเหตุ ส่วนคนไข้ผู้ชายอาการก็สาหัสมากเลยครับ”
ทั้งสาธรและสาวิกาต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ดีใจที่เด็กน้อยยังปลอยภัยอยู่
“ผมขอเข้าไปดูพี่พลหน่อยได้ไหมครับ นะครับหมอ”
สาธรขอร้องหมอเพราะไม่รู้ว่าสาธรจะรอดหรือเปล่า จนหมอนั้นยอมอนุญาต สาธรเข้าไปเปลี่ยนชุดและเข้าไปด้านในพร้อมๆสาวิกา สภาพที่เขาเห็นทำเอาน้ำตาค่อยไหลออกมา มีสายยางโยงเต็มไปหมด เครื่องชิพจรนั้นเต็มช้าลงช้าลงจนเขานั้นใจหาย
“พี่ต้องหารนะครับ หนูตายังรอให้คุณพ่อกลับไปดูแลเค้าอยู่นะครับ”
พลค่อยๆลืมตาขึ้นมา แต่ไม่สามารถพูดได้ เพราะมีเครื่องช่วยหายใจอยู่ ทั้งสาธรและสาวิกาต่างจับมือกันเพราะรู้สึกสงสารสภาพของรุ่นพี่เป็นอย่างมาก ชีพจรที่เต้นลงช้าลงช้าลงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพลอาจจะไม่รอดแล้ว
พลทำท่าเหมือนอย่างจะพูดอะไรออกมาแต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ สาธรก็เลยเดินเข้าไปหาเอาเครื่องช่วยหายใจออกแล้วเอาหูไปฟังใกล้ๆว่ารุ่นพี่จะพูดว่าอะไร
“ละ ลูก”พลค่อยๆเปร่งเสียงออกมาด้วยความยากลำบาก ทำให้สาธรนั้นน้ำตาร่วง เขาเอาเครื่องช่วยหายใจใส่เข้าให้เหมือนเดิม ขนาดสภาพของตัวเองเป็นมากขนาดนี้ แต่ความเป็นพ่อยังคงเป็นห่วงลูกมากกว่าสิ่งอื่นใด
“หนูตาตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พี่พลไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ พวกเราจะช่วยดูแลลูกพี่ให้ดีที่สุด”
พลยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อรู้ว่าลูกสาวนั้นปลอดภัยดี และหมดห่วงเมื่อรุ่นน้องบอกว่าจะช่วยเลี้ยงดู เขารู้ตัวเองว่ายังไงก็ไม่รอดแน่ๆ พลหลับตาลงช้าๆ ก่อนร่างของเขาจะกระตุกอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งหมอและพยาบาลต่างพากันเข้ามาดู
ทั้งสาธรและสาวิกานั้นต้องออกมาด้านนอก และมองไปที่ช่องหน้าต่างเล็กๆ เห็นหมอกำลังใช่เครื่องปั๊มหัวใจปั๊มหัวใขของพล แต่สุดท้ายชีพจรก็ค่อยๆต่ำลงจนแน่นิ่งไปที่สุด สาธรร้องไห้เมื่อรู้ว่ารุ่นพี่นั้นได้จากโลกนี้ไปที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณค่ะ หนูตาเค้าน่าสงสารมากเลยนะคะ ที่ต้องมาเสียพ่อกับแม่ตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้ ถ้าฉันขอรับหนูตาเข้ามาเป็นบุตรบุญธรรม คุณคิดว่าดีหรือเปล่าค่ะ”
สาวิกานึกไปถึงเด็กสาวอีกคน ที่ต้องทนทุกทรมานกับการเสียพ่อกับแม่ไปพร้อมๆกัน จนเธอนั้นเกิดความคิดที่จะรับเลี้ยงเด็กสาวคนนั้น อีกอย่างเธออยากจะมีลูกสาวมานานมากแล้วแต่เธอไม่สามารถมีลูกสาว ตั้งแต่คลอดลูกชายออกมา
“ผมจะขัดอะไรคุณล่ะ ผมรับปากกับพี่พลเอาไว้แล้วว่าจะดูแลหนูตาเค้าให้ดีที่สุด ไปเถอะเราเข้าไปดูหนูตาเถอะ ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
สาธรและสาวิกาเดินตรงไปยังห้องพักผู้ป่วย ที่ขวัญตานั้นย้ายเข้าไปพักที่ห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วเมื่อเข้ามาในห้องขวัญตาที่กำลังร้องไห้อยู่เพราะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใครนอกจากพยาบาล
“น้องร้องไม่หยุดเลยค่ะ บอกแค่ว่าจะไปหาคุณพ่อคุณแม่”
พยาบาลเดินเข้ามาหาสาธและสาวิกา เธอนั้นจนปัญญาที่จะปลอบเด็กน้อยแล้ว ที่เอาแต่นอนร้องไห้ไม่ยอดหยุด
“ตา หยุดร้องก่อนนะลูก”
สาวิกาเดินเข้าไปหาหลานสาว เข้าไปปลอบเด็กน้อยด้วยความสงสาร ชิวิตขอเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้น่าสงสารจริงๆ
“ฮืออออออ คุณอา คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ที่ไหนค่ะ ตาอยากไปหาคุณพ่อกับคุณแม่”
ความกลัวของเด็กน้องยังไม่หายไปไหน ภาพวินาทีที่เกิดอุบัติเหตุเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของพ่อกับแม่เธอยังคงอยู่
“ตาฟังมาดีๆนะครับ พ่อกับแม่เราตอนนี้เค้าไปสบายแล้วนะลูก”
ขวัญตาเข้าใจความหมายของมันดี เด็กน้อยร้องออกมาแล้วโผล่เข้าไปกอดสาวิกาเอาแน่น ซุกหน้าร้องไห้ที่ท้องของสาวิกา
“ไม่ร้องนะคะ อาทั้งสองจะดูแลหนูต่อจากพ่อแม่หนูเอง หนูไม่ต้องกลัวไปนะ”สาวิกาลูบผมของขวัญตา เด็กน้อยยังคงร้องไห้อยู่จนเหนื่อยและหลับไปในที่สุด
ตลอกงานศพของพ่อและแม่ขวัญตา ขวัญตานั้นจะนั่งซึมน้อยครั้งนักที่จะพูดออกมา และตามติดสาวิกาตลอดเพราะไม่เหลือใคร สร้างความสงสารให้กับคนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก จนงานศพนั้นผ่านไป
“ตา วันนี้เราสองคนจะพาหนูไปจดทะเบียนรับรองบุตร ต่อไปนี้หนูคือครอบครัวของเรา เรียกเราว่าพ่อกับแม่เถอะนะ เพราะลูกคือลูกสาวของเราอีกคน”สาวิกาพูดออกมาอย่างอ่อนโยน ขวัญตามองทั้งสองคนแล้วยกมือขึ้นมาขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อคุณแม่”
สาวิกายิ้มออกมา เช่นเดียวกับสาธร เขามองขวัญตาด้วยความรักเหมือนลูกอีกคน และนึกถึงคำมั้นสัญญาที่ให้ไว้กับรุ่นพี่เอาไว้ เขาจะดูแลลูกสาวของรุ่นพี่ให้เหมือนกับลูกของตัวเอง
“นั้นไปกันเถอะ เดี่ยวพอเราทำธุระเสร็จแล้ว แม่จะพาเราไปหาพี่ชายอีกคน”
สาวิกาพูดแล้วยิ้มออกมา นึกถึงลูกชายอีกคนไม่รู้ว่าจะดีใจแค่ไหนที่น้องสาวเพิ่มมาอีกคนแบบนี้ คงจะดีใจไม่แพ้เธอกับสามีเธอแน่นอน
“ใครกันค่ะ พี่ชาย”ขวัญตาถามออกมาอย่างสงสัยเพราะเธอเองไม่เคยมีพี่ชายมาก่อน
“ลูกชายของแม่เอง ดีใจหรือเปล่าที่จะมีพี่ชายอีกคน”
ขวัญาตาพยักหน้ารับอย่างดีใจเพราะเธออยากจะมีพี่ชายมานานมากแล้ว สาวิกายิ้มรับพาขวัญตาไปจดทะเบียนบุตรจากนั้นก็พากลับบ้านใหญ่ของตัวเอง เมื่อมาถึงหน้าบ้านขวัญตาเดินลงมาจากรถพร้อมกับสาวิกา มือของเธอจับมือสาวิกาเอาไว้แน่นด้วยความกลัว
“นี่บ้านใหม่ของลูกเข้าไปด้านในกันเถอะ เดี่ยวแม่จะไปลูกไปแนะนำให้คนอื่นรู้จักกัน”
ขวัญตามองหน้าแม่แล้วเดินเข้าไปในบ้านพร้อมๆกับสาวิกา บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านที่เธออยู่เป็นเท่าตัว มีสระว่ายน้ำอยู่ข้างๆและมีสวนเอาไว้เดินเล่น ทุกอย่างมันตื่นตาสำหรับขวัญตาไปหมด
“คนที่นี่เข้าจะรักตาหรือเปล่าค่ะ คุณแม่”
ด้วยความที่กลัวเพราะที่นี่มันใหม่สำหรับเธอไปหมด เธอจึงกลัวว่าคนที่นี่อาจจะไม่รักเธอ
“รักสิ ทุกคนเค้าต้องรักกับความน่ารักของลูกอยู่แล้ว เข้าไปด้านในกันเถอะนะ”
ขวัญตายอมเดินเข้าไป พอเข้าไปในบ้านก็เจอกับผู้คนมากมายที่เดินกันไปมา ยิ่งทำให้ขวัญตานั้นตื่นเต้นเข้าไปอีก เพราะที่บ้านของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้เลย แถวในบ้านก็กว้างมาก จนเธอคิดว่าถ้าเธอมาคนเดียวได้หลงในบ้านนี้แน่ๆ
....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เป็นยังไงบ้างค่ะตอนแรก เนื้อเรื่องจะค่อยๆเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆจ้า
นามปากกา : หนามกุหลาบขาว
“