“ปล่อยฉัน!” เธอสั่งเขาเสียงแข็งเมื่อถูกจับบังคับดึงลากออกมาจากร้านท่ามกลางสายตาของผู้คน
“ไปคุยกันบนรถ” เขาหยุดเดินแล้วหันมาบอกเธอสั้นๆ แล้วดึงลากเธอไปยังรถตัวเองต่อ พอมาถึงรถตัวเองก็เปิดประตูยัดร่างน้อยเข้าไปในรถพร้อมกับขู่เมื่อเห็นท่าทางดื้อพยศของสาวเจ้า
“ถ้ากล้าลงมาจากรถ ฉันจะตะโกนบอกทุกคนให้รู้ไปเลยว่าเธอเป็น ‘ผู้หญิงขายตัว’ ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้” เขาพูดจบก็ปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปทางฝั่งของตัวเอง ส่วนกนกรัชต์ก็นั่งนิ่ง เพราะกลัวว่าเขาจะพูดแบบที่ขู่จริงๆ เพราะคนคนนี้คาดเดายาก
“มีอะไรก็พูดมา?” เธอถามคนตัวโตที่เปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถพร้อมติดเครื่องยนต์เปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็น
“ใคร?” เขาถามสั้นๆ พร้อมกับเข้าเกียร์รถเคลื่อนตัวออกไปจากตรงที่จอด
“จะพาฉันไปไหน?” กนกรัชต์ไม่สนใจคำถามของกลศ เพราะตอนนี้เขากำลังขับรถพาเธอห่างออกจากหน้าร้านอาหารเพลิงหมาแหน
“ตอบมาก่อนว่าผู้ชายที่มาด้วยเป็นใคร?” เขาหันมาสบตาคนตัวเล็กครู่หนึ่งแล้วหันไปมองทางข้างหน้าต่อ
“เขาจะเป็นใครก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับคุณเลยนี่”
“ทำไมจะไม่เกี่ยว มันมาเป็น ‘ชู้’ กับ ‘เมีย’ ฉัน” เขาตอบโดยที่สายตายังจดจ้องกับถนนข้างหน้า ส่วนคนได้ฟังถึงกับเดือดโกรธ
“เป็น ‘ชู้’ กับ ‘เมีย’ ของคุณเหรอคะ ฉันอนุญาตให้คุณเป็น ‘ผัว’ ของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่ฉันจำได้เราแทบจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ และเรื่องระหว่างเรามันก็แค่ความผิดพลาดที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น” แม้ว่าในใจของกนกรัชต์ตอนนี้จะเต้นแรงกับคำว่า ‘เมีย’ ที่หลุดออกจากปากหนาของคนเห็นแก่ตัว แต่เธอไม่มีทางยอมรับผู้ชายที่เห็นแก่ตัวเอาเปรียบตัวเองหรอก