มธุริน
44
ตอน
2.73K
เข้าชม
19
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
12
เพิ่มลงคลัง

∿ โชคชะตาหรือกรรมกันแน่ที่กำหนดให้ต้องรักเธอ ∿ 

...มธุริน... 

 

 

∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾∾  

  

มธุริน..ชื่อเล่น น้ำริน วัย27 

    

    มันเป็นโจทย์ที่ยากสำหรับเธอจริงๆ ในการจะหาผู้ชายดีๆสักคนมาแต่งงานด้วยเพื่อจะได้สมบัติจากพ่อเลี้ยงหรือสามีใหม่อายุคราวพ่อของแม่ ... แค่จะหามาเป็นแฟนเธอยังไม่รู้เลยว่าจะหาได้ไหม .. 

    ปัญหาก็คือเธอไม่คุ้นเคยการอยู่ในสังคมที่มีผู้ชายอยู่เลย...    ..ตอนเธออายุ 5 ขวบ  หลังจากพ่อแม่แยกทางกัน  ก็แบ่งลูกที่เป็นฝาแฝดไปเลี้ยงกันคนละคน เธออยู่กับแม่ที่หอบหิ้วเธอเข้ามากรุงเทพฯเพื่อหางานทำ  ส่วนน้องสาวอยู่กับพ่อที่เมืองกาญจน์   

    แม่ต้องทำงานจึงไม่มีเวลาจะเลี้ยงดูเธอ จะไปฝากกับใครเลี้ยงก็ห่วงว่าจะไม่ปลอดภัย แม่จึงตัดสินใจพาเธอไปอยู่ในโรงเรียนประจำหญิงล้วนของคอนแวนต์แห่งหนึ่ง  ที่มีผู้ดูแลเป็นนักบวชผู้หญิง  มีพี่เลี้ยงและครูที่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น เธออยู่ในนั้น เติบโตขึ้นในนั้นเสมือนเป็นบ้านของเธอไปเลย         เพราะแม้แต่เวลาโรงเรียนปิดเทอมเธอก็ออกมาอยู่กับแม่ไม่ได้เพราะแม่มีสามีใหม่และแม่ไม่ไว้ใจเขา   แต่แม่ก็แวะไปหา ไปเยี่ยมเยียนหรือพาเธอออกไปเที่ยวข้างนอกในโอกาสสำคัญต่างๆเท่านั้น..  

   จนจบชั้นมัธยมปลาย...จบชั้นสูงสุดของโรงเรียนแล้ว เธอต้องออกจากคอนแวนต์โดยปริยาย และคิดว่าคงจะได้มาอยู่กับแม่ แต่แม่ซึ่งเลิกกับสามีคนก่อนแล้วก็มาได้สามีใหม่อีกคนชื่อคุณอนันต์ เธอเรียกเขาว่าคุณลุง เขาอายุมากกว่าแม่ตั้ง23ปี มีลูกชาย 2 คนกับอรอุมา ภรรยาคนแรก เขาเป็นเศรษฐีร่ำรวยมากคนหนึ่ง เป็นเจ้าของธุรกิจค้าปลีกวัตถุดิบด้านอาหารจากทั่วโลก และเจ้าของซุปเปอร์มาร์เกตที่มีหลายสาขาอยู่ในศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพและปริมณฑล    บ้านของเขาใหญ่โตบนพื้นที่กว้างขวางและมีลูกชายคนโตที่ชื่อ..อนิล...อยู่ที่บ้านด้วยคนหนึ่ง   

แม่บอกว่าแม่เป็นแค่เมียน้อย  ส่วนเมียหลวงของเขา มีเรื่องระหองระแหงกับคุณลุงบ่อยๆจึงแยกไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งกับลูกชายคนเล็ก แต่ก็ยังไปๆมาๆที่บ้านลุงและยังทำธุรกิจร่วมกันอยู่  

    แม่ไม่อยากให้เธออยู่ด้วยเพราะกลัวถูกอรอุมามาด่าว่าให้เธอช้ำใจไปอีกคน  แต่แม่อยู่ได้และต้องทนอยู่เพื่อหวังในสมบัติของลุงและให้ลุงอนันต์ช่วยส่งเสียให้เธอเรียนจนจบ  ..ค่าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนก็แพงด้วย   ...และแม่ยังต้องส่งเสียน้องสาวของเธออีกคนด้วยเพราะพ่อมีครอบครัวใหม่มีลูกใหม่และไม่ใส่ใจน้องสาวของเธอเลย..  มหาวิทยาลัยก็อยู่นอกเมือง คนละฝั่งกับบ้านของลุง  แม่จึงให้เธอเช่าหอพักที่อยู่ในมหาวิทยาลัยซึ่งก็เป็นหอพักหญิงล้วนอีก...  

.  พอเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็บอกข่าวดีให้ฟังว่าอรอุมาซึ่งอายุใกล้ 60 ปีแล้ว   ขอแยกทางกับลุงและมีสามีใหม่ไปแล้ว   แม่จึงได้ขึ้นนั่งแท่นเป็นผู้หญิงหมายเลขหนึ่งของคุณลุงไปโดยปริยาย พี่อนิลก็แต่งงานแล้วและย้ายออกไปอยู่บ้านภรรยาของเขาแล้ว  ในบ้านใหญ่โตนั้นจึงมีแต่แม่กับคุณลุงและแม่บ้านอยู่เท่านั้น   คุณลุงที่แสนใจดีก็ยังอนุญาตให้เธอเข้าไปอยู่ในบ้านได้   คุณลุงมีแต่ลูกชาย ไม่เคยมีลูกสาวจึงรักและเอ็นดูเธอเสมือนลูกอีกคน.. 

 เธอก็ไม่ต้องหางานทำที่ไหน เพราะเขาให้เธอทำงานที่บริษัทของเขาด้วย…โดยเป็นเลขาของแม่… 

ในที่ทำงานแผนกของเธอก็มีผู้หญิงกับสาวประเภทสอง  ...แม่เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่คนทั้งบริษัทเกรงกลัว  จึงไม่มีผู้ชายหน้าไหนกล้าเข้ามาคุยกับเธอเลย.. 

  

  แม่ชื่อรสสุคนธ์หรือที่ใครๆเรียกว่าโรส...ปีนี้อายุ 48 ปี ....    

 ..   ...แม่เป็นคนสวย มีจริตจะก้านเหมือนสาววัยรุ่น  แต่งตัวเปรี้ยวจิ๊ดจนเธออาย  แม่เรียนจบแค่มัธยมต้นเท่านั้น  ก่อนจะได้มาเป็นภรรยาของคุณลุง แม่ทำงานเป็นแค่แม่บ้านในบริษัทของคุณลุง  ..และแม่ตั้งใจหว่านเสน่หเพื่อจับคุณลุงให้ได้แล้วแม่ก็ทำสำเร็จ ... หลังจากที่ได้แม่เป็นภรรยาแล้ว  คุณลุงก็เปลี่ยนสถานะให้แม่เป็นเลขา ติดตามคุณลุงไปทุกที่และเรียนรู้งานทุกอย่างของคุณลุง..ที่สุดก็สามารถช่วยงานในบริษัทคู่กับคุณลุงได้  เป็นที่ขุ่นเคืองใจของอรอุมายิ่งนัก แต่นางก็ทำอะไรแม่ไม่ได้     

 

   ปีนี้คุณลุงอายุ71 แล้ว  แต่สุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ จึงวางมือจากธุรกิจทั้งหมด ปล่อยให้ลูกๆและอรอุมาดูแลกันไป   ..ลุงเพิ่งผ่าตัดทำบายพายหัวใจเมื่อปีที่แล้ว พอมาปีนี้ก็กำลังป่วยด้วยโรคกระดูกทับเส้นประสาท ทำให้ปวดหลังอย่างมากและขาอ่อนแรงเดินไม่ค่อยไหว  กำลังรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดโดยจ้างนักกายภาพบำบัดมารักษาให้ที่บ้าน  การป่วยของคุณลุงทำให้แม่คิดมากว่าหากเขาเกิดเป็นอะไรไป   อรอุมาที่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากันและเป็นคนร้ายกาจนัก เจ้าคิดเจ้าแค้น  คงหาทางเล่นงานเธอ..แม่ลูกให้กระเด็นออกไปจากบ้านหลังนี้และจากหน้าที่การงานที่ทำอยู่ด้วย..  

   แม่จึงไปออดอ้อนกับคุณลุงถึงเรื่องนี้….  คุณลุงจึงเรียกเธอเข้าไปหาและบอกว่าจะซื้อบ้านให้เธอหนึ่งหลังกับเงินอีกก้อนหนึ่งที่มากพอจะทำให้เธอ..แม่ลูก...ได้อยู่อย่างสบายไปทั้งชีวิต แต่มีเงื่อนไขข้อเดียวที่ทำให้เธอได้ยินแล้วเครียดขึ้นมาทันที    

  <<<<<<<>>>>>>> 

  

  “ แม่คะ...หนูยังไม่อยากแต่งงานอ่ะ ไม่อยากได้ทรัพย์สินอะไรของคุณลุงด้วย เท่าที่เขาส่งให้หนูเรียนจนจบและยังให้งานหนูทำอีก หนูว่าหนูพอแล้ว  ถ้าป้าอรไม่ให้เราอยู่ที่นี่ เราก็ไปเช่าบ้านอยู่ก็ได้นี่คะ หนูทำงานได้แล้วหนูจะเลี้ยงแม่เอง…” 

    น้ำรินบอกแม่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากออกมาจากห้องของคุณลุงแล้ว    

“ ….ไม่ได้นะน้ำริน..” แม่ตวาดกลับทันทีด้วยสีหน้าขึงตึง   “  แม่ลำบากและอดทนมามากแล้วกว่าจะมาถึงจุดนี้  แม่ไม่ยอมไปอยู่บ้านเช่าโทรมๆกินข้าวแกงข้างทางเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว  ถ้าออกจากที่นี่ไปเราต้องมีบ้านสวยๆแบบนี้อยู่และมีเงินใช้อย่างสบายด้วย....” 

“ แม่ก็ขอให้ลุงซื้อบ้านให้สักหลังก็พอแล้วนี่คะ....เงินที่ลุงให้แม่ทุกเดือน ก็ยังมีเหลือเก็บไม่ใช่หรือคะ” 

“ ไม่พอ …” แม่เสียงเครียดขึ้น “ ไม่เข้าใจหรือน้ำริน  แม่ยอมเป็นเมียน้อยของผู้ชายที่แก่กว่าตั้งยี่สิบกว่าปี  ถูกด่าว่าดูถูกจากนังอรอุมามากมายเท่าไรแม่ก็ยอมทน เพราะแม่หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ยังไม่ทันได้อิ่มเอมเปรมใจในเรื่องใดๆสักเรื่องเลย เขาก็มาถูกโรครุมเร้าแล้ว ต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลมาตลอดสองสามปีหลังนี่     แม่ต้องดูแลปรณิบัติเขาจนไม่เคยได้นอนหลับสนิทสักคืน    แต่แม่อรอุมาน่ะ เคยมาดูแลเขาบ้างไหม ได้ผัวใหม่อายุน้อยกว่าแล้วก็ยังเอาเงินของคุณลุงไปเลี้ยงดูเขาอีก  แต่นางยังมีสิทธิเต็มที่ในมรดกของคุณลุงและบ้านหลังนี้  ถ้าไม่มีลุงแล้วนางต้องไล่เราแม่ลูกออกจากที่นี่ไป และไปมือเปล่าด้วยนะ  แล้วแกก็ต้องทำงานหลังขดหลังแข็งเลี้ยงแม่อีก  ไม่...แม่ไม่มีทางที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น .. เราต้องได้ทั้งบ้านและเงินก่อนที่ลุงจะป่วยมากไปกว่านี้..  ”  

 “  ทำไมลุงไม่ให้เงินแม่ไปเลยล่ะคะ ..”  

“  ก็เพราะเขาไม่ไว้ใจแม่น่ะสิ..”  

“ อ้าว... หนูก็เห็นเขารักแม่ดีอยู่นี่นา” 

“ เขากลัวแม่จะเอาเงินไปปรนเปรอผู้ชายคนอื่นน่ะสิ” 

“ ห๊ะ...นี่แม่คิดจะมีสามีใหม่อีกแล้วเหรอคะ..” น้ำรินตกใจในคำพูดของแม่ 

“ ชูว์….อย่าเสียงดังไป  เดี๋ยวใครได้ยินเข้าล่ะเป็นเรื่องเลย…” แม่รีบกรากเข้ามานั่งใกล้ๆเอามือป้องปากลูกสาวไว้ และลดน้ำเสียงที่พูดให้เบาลง 

“ ...แม่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น  ลุงเป็นคนดีและยังดีกับเราแม่ลูกมาก แม่ไม่คิดจะทิ้งเขาไปมีใหม่หรอก ตั้งใจจะอยู่ดูแลเขาจนวันสุดท้ายของชีวิตนั่นล่ะ  แต่ที่แม่พูดแบบนั้นก็เพราะตั้งแต่ลุงป่วยมานี่ ลุงก็ไม่สามารถให้ความสุขเรื่องบนเตียงกับแม่ได้อีก แต่แม่ยังสาวอยู่ ยังมีความต้องการมันอยู่ ลุงก็กลัวแม่จะนอกใจเขา..แล้วเอาเงินไปปรนเปรอผู้ชายอื่นน่ะสิ” 

“ แล้วแม่คิดจะทำอย่างนั้นรึเปล่า..” 

“  เฮ้อ...น้ำริน..” แม่ถอนใจแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น “ แม่ไม่ขอพูดเรื่องนี้ได้ไหม มันเป็นเรื่องส่วนตัวของแม่ แต่แม่สัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ทำร้ายจิตใจของลุงเด็ดขาด…” แม่ไม่ยอมสบตาน้ำรินขณะพูด  

“ แต่ลุงทำไมต้องมาตั้งเงื่อนไขให้หนูทุกข์ร้อนไปด้วยล่ะ” 

“ ...ลุงแค่อยากเห็นแกเป็นหลักเป็นฐานเหมือนพ่อทั่วๆไปนั่นล่ะ  เงินที่ลุงจะให้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ลุงก็อยากเห็นคนที่จะมาเป็นเขยก่อน เพื่อแน่ใจว่าแกจะได้กับผู้ชายดีๆ ไม่ใช่คนที่คิดจะมาปอกลอก”  

“ ลุงคงเห็นหนูโง่…” น้ำรินเสียงแผ่วลง 

 “ ไม่ใช่...ลุงไม่เคยคิดแบบนั้น  แต่เพราะลุงเห็นแกเป็นคนซื่อต่างหากและยังอ่อนต่อโลกมาก  กลัวว่าจะไปได้ผู้ชายไม่ดีน่ะสิ  เอาเถอะน่า..น้ำริน ถึงยังไงแกก็ต้องแต่งงานซักวันไม่ใช่เหรอ  หรือแกคิดจะอยู่เป็นโสด.....”  

“ หนูยังไม่ได้คิดอะไรเลยแม่…...   ” 

“ งั้นก็เริ่มคิดได้แล้ว..” 

“ อยู่เป็นโสดก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร..หนูเห็นคนที่แต่งงานแล้วไม่เห็นใครมีความสุขสักคน รักกันปานจะกลืนกิน แต่พอแต่งกันไม่ทันไรก็เลิกกัน  เลิกแล้วก็ไปหาคนใหม่อีกไม่จบไม่สิ้น..วุ่นวายเหลือเกิน ” 

“  แกกำลังพูดถึงแม่ใช่มั้ย ..” 

“ ก็ทุกคู่ที่อยู่รอบข้างหนูนี่ล่ะ  แม้แต่พี่อนิลหนูก็ได้ยินว่าเขากำลังมีปัญหากับภรรยาของเขา หวังว่าจะไม่เลิกกันอีกคู่นะ..” 

“  ก็ก่อนแต่งกับหลังแต่งมันคนละเรื่องกันนี่นา ...แกจะเข้าใจเมื่อได้แต่งงานแล้ว ” 

 “ แต่หนูถูกสอนว่าการแต่งงานเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ของคนสองคน เมื่อรักกันและปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันทั้งในยามทุกข์และยามสุขไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่…” 

 “ เหอะ..ชีวิตคู่แบบนั้นมันเป็นความฝันของผู้หญิงทุกคนนั่นล่ะ  แม่ก็คิดแบบที่แกพูดเหมือนกันตอนที่รักกับพ่อแก   กว่าจะรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวที่สุดก็หลังแต่งงานไปแล้ว   และแม่ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องทนอยู่  แยกทางกันคือทางออกที่ดีที่สุด       ดีกว่าอยู่ด้วยกันแล้วต้องทะเลาะกันหน้าดำคร่ำเครียด  ไม่มีความสุข..”  

“ แต่หนูต้องการชีวิตแต่งงานแบบผัวเดียวเมียเดียว.. หนูจึงต้องรอบคอบและใช้เวลาในการเลือกคู่ชีวิตก่อน…” น้ำรินพูดอย่างหนักแน่น 

 “ ถามจริงๆเถอะน้ำริน  มีใครมาจีบแกบ้างมั้ย  ทั้งๆที่แกก็สดสวยขนาดนี้..” 

“ ก็มีบ้าง แต่หนูเองนั่นล่ะที่เดินหนีเขา ” 

“ อ้าว! ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ” 

“ แม่ก็รู้นี่ว่าหนูอยู่แต่กับพวกผู้หญิงเท่านั้น ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องผู้ชายเลย ตอนเรียนมหา'ลัยก็มีพวกผู้ชายมาจีบบ้าง มาแซวบ้าง แต่หนูรู้สึกอาย ทำตัวไม่ถูกก็เลยเดินหนี  และอีกอย่างหนูอยากเรียนให้จบก่อนจะคิดเรื่องผู้ชาย..” 

“  แล้วตอนนี้แกก็พร้อมจะมีแฟนแล้วนี่นา หนุ่มๆในบริษัทก็มีออกเยอะไป” 

“ ไม่มีใครกล้ามาจีบหนูหรอก  พอรู้ว่าหนูเป็นใครทุกคนก็เดินหนีหมด” 

“ เฮอะ….ทำไมขี้ขลาดกันจัง อุปสรรคแค่นี้ยังไม่กล้าฝ่าฟัน ก็อย่าคิดมีเมียเลยชาตินี้…...แล้วแกทำไมไม่ลุยเองล่ะ ถ้าชอบใครก็เปิดประตูไปคุยกับเขาเลย  สมัยนี้ผู้หญิงจีบผู้ชายก่อนเป็นเรื่องธรรมดา ” แม่ยุตามนิสัย 

“  ไม่ใช่หนูแน่ที่จะทำแบบนั้น หนูยังมีความคิดแบบสมัยก่อนๆอยู่  อยากเป็นฝ่ายรอมากกว่าเป็นฝ่ายเริ่ม   มันดูน่าภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรีมากกว่า  … ..  ”   

 “ แต่แม่ไม่ต้องการให้แกรอ  ถ้าแกหาใครไม่ได้แม่จะหาให้เอง  แม่รู้จักผู้ชายดีๆหลายคน แล้วจะพาไปแนะนำให้ลูกรู้จัก… ” 

“ แต่หนูไม่ต้องการถูกคลุมถุงชน  ” 

“ ก็แม่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะบังคับให้แกแต่งงานกับใครนี่นา  เอาไว้ให้แกรู้จักพวกเขาซะก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเองก็ได้..แต่ก่อนอื่นแกต้องปรับปรุงตัวเองเสียใหม่..”  

 “ ทำไมล่ะแม่ หนูไม่ดีตรงไหน” 

“ ไม่ใช่ไม่ดีแต่แกดีเกินไป  เรียบร้อยมากไปเก็บตัวมากไป    แล้วการแต่งตัวก็ดูไม่สดใส.... ไม่ดึงดูดสายตาผู้ชายเลย ดูกระโปรงที่ใส่อยู่นี่ซิและทุกตัวที่มีก็ยาวถึงครึ่งน่อง เสื้อก็ติดกระดุมทุกเม็ดแม้แต่กระดุมคอและกระดุมแขน..” น้ำรินก้มลงมองตัวเอง  

“   ก็มันปกปิดมิดชิดดีออก ไม่เห็นเชยตรงไหน” เธอยังเถียง 

“ เชยตรงที่เสื้อผ้าแบบนี้ มันโบราณสมัยยายเป็นสาวโน่น แม่ยังไม่เคยใส่แบบนี้เลย...แกไม่ได้อยู่ในคอนแวนต์แล้ว ไม่ต้องทำตัวอยู่ในระเบียบวินัยแล้ว    หัดแต่งตัวให้ทันสมัยหน่อย ทำตัวให้มีชีวิตชีวาบ้าง  มองดูสาวๆในบริษัทแต่งตัวกันยังไง แกก็ลองแต่งอย่างเขาบ้าง   ทรงผมบ๊อบสั้นนี่ก็ใช้ได้แล้ว เหมาะกับทุกยุคไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร  การแต่งหน้าอ่อนๆเป็นธรรมชาติแบบนี้ก็เป็นที่นิยมของสาวๆยุคนี้เหมือนกัน แต่พอแกแต่งตัวแบบนี้บวกกับบุคลิคของแก มันก็เลยดูจืดชืดไปหมดเลย”  

“ แม่จะให้หนูใส่เสื้อบางๆ ปกลึกๆ หรือคว้านจนเห็นร่องอกก้มทีก็เห็นไปถึงสะดือ  แล้วใส่กระโปรงสั้นแค่คืบเดียว จะลุกจะนั่งก็ถกขึ้นมาจนเห็นถึงกางเกงใน..หนูไม่เอาหรอกแม่ หนูอายที่จะให้ใครมาเห็นของของหนู  ” เธอส่ายหน้าไม่ยอมรับ  

“  ......มันดูเซ็กซี่ไง  อวดขาขาวๆ ให้ผู้ชายน้ำลายหกเล่น  ยังไงก็ไม่มีใครเอาของเราไปได้หรอกน่า แล้วสมัยนี้เขาก็ใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างใน  นั่งลุกยังไงก็ไม่เห็นไปถึงที่ลับตาได้หรอก....”  

น้ำรินถอนใจ… 

“ เอางี้..วันนี้เราว่างกันอยู่  ลุงก็คงนอนพักกลางวันไปแล้ว เราไปช๊อปปิ้งกันดีกว่า  หาชุดสวยๆทันสมัยใส่ เปลี่ยนลุคตัวเองบ้าง เอาให้หนุ่มๆที่ได้เห็นตาลุกเลยดีมั้ย…”   

น้ำรินถอนใจอีกเฮือก… “ ก็ได้แม่.. แต่หนูต้องเป็นคนเลือกและตัดสินใจเองนะ” 

“ ตามใจแกเลย  ” ที่สุดแม่ก็ยิ้มได้..   

  ....ยังไงก็ต้องทำตามที่แม่ต้องการอยู่ดี เพราะมีแม่คนเดียวที่ดูแลห่วงใยเธอมาทั้งชีวิต...  

    

    

 ⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕⁕ 

ไม่ได้อัพทุกวัน....... ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนสมัครเล่นด้วยค่ะ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว