กวนมึนฮาให้สุด และไปหยุดที่ตอนอวสาน
ในที่สุดเรื่องราวของสามพี่น้องตระกูลหานก็ดำเนินมาถึงคู่สุดท้ายแล้วนะคะ นั่นก็คือเรื่องราวความรักของพี่รอง
'หานหมิงซาน' นั่นเอง และแม่นาง 'ซือซิง' หัวหน้าโจรสาวสุดโหด
อ่านได้เรื่อยๆ เหมือนเดิม
ส่วนใครชอบดราม่า แนะนำตามไปสามบุพเพสกุลซือนะคะ ^^
ซึ่งเล่มแรกของชุดนี้ก็คลอดแล้วนั่นคือแต่งกับเจ้าแล้วไง! ข้าก็ไม่ได้รักเจ้าเสียหน่อย!
และเล่มที่สอง สมรสพระราชทานบันดาลรัก
สถานะ:วางโครงเรื่อง พล็อตหมดแล้ว ลงเอาปกและชื่อเรื่องไว้ก่อนค่ะ
*แต่งจบมีอีบุ๊คติดเหรียญอยู่แล้ว แต่ระหว่างนั้นจะเปิดให้อ่านฟรีเท่าไรขึ้นอยู่กับกำลังใจจากทุกคนนะคะ*
หากจะว่า 'เซี่ยเฟยหง' (ในอดีต) เป็นพยัคฆ์แห่งไท่ซานที่มีความสัมพันธ์กับสตรีไปทั่วแล้ว
'หานหมิงซาน' ก็คือพ่อของพยัคฆ์แห่งไท่ซานเลยล่ะ! เพียงแต่เขามิได้มีชื่อเสียงเรียงนามใดๆ เช่นน้องเขย สาวๆ เลยไม่ค่อยรู้จัก เพิ่งจะมาโด่งดังก็ตอนที่หานหลี่หลุนเข้าร่วมการช่วยต้าเทียนฮ่องเต้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ และตอนหานหมิงเทียน พี่ชายคนโตกลายเป็นพนักงานที่ได้เงินเดือนเยอะที่สุดในวังหลวง นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่เขาเข้าขากับเซี่ยเฟยหงได้เป็นอย่างดี
หลังจากเห็นว่าตอนนี้น้องเขยของตนกลายเป็นคนที่อยู่ในโอวาทเมีย ส่วนพี่ใหญ่ก็มีคนเอาเมียมาให้แบบงงๆ
หานหมิงซานที่ยังครองตัวเป็นโสดจึงตั้งปณิธานขึ้นมาว่า
ตัวข้า หานหมิงซานจะไม่ขอมีฮูหยินเป็นตัวเป็นตนเด็ดขาด!! เพราะข้าจะไม่มีทางลงให้สตรีหน้าไหนทั้งนั้น!!
ต่อไปนี้...กิน! ดื่ม! เที่ยว! (และทำงานหาเงิน) เท่านั้น!!
แต่บางทีอะไรๆ มันก็ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้...
ปึก!! เสียงร่างสูงโปร่งของหานหมิงซานกระแทกพื้นหลังจากการถูกอาชาคู่ใจที่ตกใจเสียงฟ้าผ่าสะบัดตกลงมาจากหลัง
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความเจ็บปวดที่แล่นพราดไปทั่วกายและก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นอาชาคู่ใจยืนมองตนเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสะบัดก้นวิ่งจากไป…
อา...
มารดามันเถอะ!
นี่มันเป็นลูกของเฮยหยางกับไป๋หลิวจริงหรือเปล่า!?
หานหมิงซานที่ได้แต่นอนนิ่งมองอาชาของตนจากไปคิดในใจ เฮยหยางนั้นเป็นอาชาคู่ใจของแม่ทัพคนเก่งเซี่ยเฟยหง ส่วนไป๋หลิวก็เป็นม้าป่าจิตแข็งที่ยอมลงให้มี่เอ๋อร์คนเดียว
เฮยหยาง...ไป๋หลิว...
เหตุใดลูกของพวกเจ้าถึงขี้ขลาดเช่นนี้!?
---------------------------
...ทันทีที่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังทิ่มอยู่บนหน้าของตน หานหมิงซานก็รีบลืมตาขึ้น ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นสตรีผู้หนึ่งในเสื้อคลุมเรียบง่ายสีเขียวที่แม้จะยาวลากพื้นแต่เมื่อใส่คู่กับกางเกงขายาวทำให้ดูคล่องตัวอย่างน่าประหลาด ซึ่งรอบตัวมีบุรุษรูปร่างกำยำหน้าตาโหดเหียมยืนรายล้อม กำลังใช้ไม้เขี่ยหน้าผากของเขา ส่วนตัวเองในตอนนี้ก็นอนหงายอยู่บนเตียงแข็งๆแต่ถูกมัดตรึงไว้ และที่ข้อมือทั้งสองข้างก็ยังมีเชือกมัดไว้ด้วย
“เห็นไหมเล่า ข้าบอกแล้วว่าเจ้านี่ยังไม่ตาย” สตรีนางนั้นหันไปเอ่ยกับคนอื่นๆ
จ…เจ้านี่
หมับ! พลันมือเรียวก็ล้วงเข้ามาที่อกเสื้อของหานหมิงซานอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะคว้าถุงเงินออกไปเปิดออกดูพร้อมกับหยิบบัตรประชาชนออกมาอ่าน
“ที่แท้ก็เป็นหานหมิงซาน บุตรคนรองของตระกูลหานนี่เอง” สตรีนางนั้นกล่าวหลังจากที่ดูบัตรประชาชนของหานหมิงเทียน
“แม่นาง ปล่อยข้ากลับไปเถิด!” หานหมิงซานได้ทีรีบอ้อนวอนทันที เพราะดูจากสง่าราศีแล้ว นางน่าจะเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้และดูน่ากลัวน้อยที่สุด
“หืมม…ได้อย่างไรกันล่ะ!? นานๆ ทีจะมีพวกคุณชายเหยาะแหยะหลงเข้ามา” จากนั้นนางก็พูดต่อ
“เอาเป็นว่าต่อไปนี้เจ้าก็คือสัตว์เลี้ยงของข้าละกัน”
“สัตว์เลี้ยงของเจ้า!? บ้าหรือเปล่า!? อยู่ๆ ข้าจะไปเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าได้อย่างไร?” หานหมิงซานโวยวายอย่างลืมตัง ไม่ทันที่ร่างบางตรงหน้าจะได้โต้ตอบอะไร ชายร่างยักษ์อีกคนก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“นายหญิงขอรับ ดูแล้วทำประโยชน์อันใดให้พวกเรามิได้เลย มิสู้ฆ่าทิ้งไปดีหรือไม่ขอรับ!?”
“อย่าฆ่าข้าเลย…” หานหมิงซานร้องขอชีวิต
โธ่! เขาเพิ่งอายุยี่สิบแปดเองนะ ชีวิตนี้ยังใช้บริการสาวๆ ในหอเทียนลู่ฮัวไม่ครบทุกคนเลย!!
“ข้ามีประโยชน์…จริงๆ นะ ข้าทำอาหารอร่อย!” หานหมิงซานโพล่งออกไป พลางคิดในใจอย่างน้อยก็อร่อยกว่าที่พี่ใหญ่ทำล่ะนะ…
รายนั้นเล่นโยนทุกอย่างลงในหม้อพร้อมกัน ไร้ศิลปะสิ้นดี!
“แค่นี้?” เมื่อเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองมา เขาก็หลับหูหลับตาโพล่งออกไปทั้งที่รู้สึกอับอายไม่น้อย
“และเป็นสัตว์เลี้ยงได้! ใช่! ข้ายอมเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่นางก็ได้ เอ่อ...เป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำอาหารได้น่ะ!!”
หมดกัน...คำปฏิญาณของข้า...
“อืม...” คู่สนทนานิ่งไปสักพักแล้วออกคำสั่งกับสมุนของตน
“เช่นนั้นก็แก้เชือกที่มัดมือเขาออก! แล้วให้ไปทำอาหารเสีย”
“ขอรับนายหญิง!”
ทำไมวันนี้ชีวิตข้าถึงได้บัดซบเช่นนี้!?
หานหมิงซานคิดในใจพลางนึกคาดโทษทุกคนโดยเฉพาะสตรีนางนั้น ขณะที่เชือกในมือถูกคลายออกก่อนจะถูกพวกร่างยักษ์ลากแขนให้เดินตามไป โดยมี ‘ซือซิง’ ยืนมองตามด้วยรอยยิ้ม
ชีวิตต่อจากนี้คงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นไม่น้อย เดี๋ยวต้องหาเวลาว่างส่งข่าวไปรายงานให้พี่ชายฟังเสียแล้ว!!