(ปก E-Book) 

ความรักที่จบลงเมื่อ 9 ปีย้อนกลับมาหา 'นนทภัทร' หรือหมอนนท์ ซึ่งละม้ายคล้ายกับย่อส่วนในวัย 8 ขวบ! 

หากความบังเอิญไม่พัดพา คุณหมอยังหนุ่มคงไม่รู้ว่าา 'มนัญชยา' อดีตคนรักพราก 'ลูก' ไปครองไว้เพียงคนเดียว 

. 

เขาโกรธแสนโกรธ ทว่า... กลับไม่อาจควบคุมร่างกายอันทรยศไม่ให้สั่นไหวกับเธอไม่ได้ร่ำไป 

 

------------------------------------------- 

“ถึงกับตกใจหนักมากเลยเหรอคุณ”คุณหมอหนุ่มยกแขนขึ้นกอดอก พักขาข้างหนึ่ง จับสังเกตอาการแตกตื่นของคนตรงหน้า 

ร่างบางผุดลุกขึ้น ลูบชายเดรสสีกรมยาวเสมอเข่าให้เรียบตึงเพื่อซ่อนความประหม่า เม้มริมฝีปากแน่นไม่กล้าแม้แต่จะสบตา 

ชายหนุ่มลอบสังเกตอย่างพินิจ… มนัญชยาไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่เขาเคยรู้จักอีกแล้ว เธอโตเป็นผู้ใหญ่ สุขุมนุ่มลึก อีกทั้งไว้ตัวอย่างมากเสียด้วย 

“ขอบคุณคุณหมอนะคะที่ช่วยเจ้าบีกู้ดไว้”สายตาเธอจับไปที่หน้าต่างกระจกใสแทนที่จะมองหน้าคู่สนทนา 

“ผมช่วยมันในฐานะหมอ แต่หลังจากรู้ความจริงผมก็ดูแลมันในฐานะเจ้าของอีกคนหนึ่ง”เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ 

คำว่า ‘ความจริง’ ทำสันหลังของหญิงสาวชาวาบ 

“มันแก่แล้วนะ กระดูกกระเดี้ยวเริ่มไม่ค่อยดี ระวังให้มากล่ะ คราวหน้าผมไม่รับประกันนะว่าหากเกิดอุบัติเหตุแบบนี้อีกจะโชคดีอย่างคราวนี้หรือเปล่า” 

เขาพูดเหมือนหมอที่ใส่ใจงานของตัวเองคุยกับคนไข้ ไม่มีวี่แววของชายอดีตคนรักที่กำลังสนทนากับแฟนเก่าเลยสักนิด เขาคงอยากเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวชัดเจนซึ่งหากเป็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังมีช่องว่างให้สบายใจอยู่บ้าง แล้วเขาก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคาม หรือพยายามถามเอาความจริงเรื่องตาเบรฟลูกชายของเธอเลย บางที… เขาอาจไม่เคยนึกสงสัยเลยก็ได้ 

“ค่ะ ฉันจะรับมันกลับเลยนะคะ” 

ชายหนุ่มนึกประเมินคนตรงหน้าในใจ เธอยังคงเล่นบทเจ้าของหมาป่วยสนทนากับคุณหมอเจ้าของไข้ต่อไป ทำอย่างกับลืมแล้วว่าเขากับเธอเคยเป็นอะไรกัน 

แนบเนียนจริงเลยแฮะ! 

หญิงสาวยกหูจับกรง แขนเล็กดูจะไร้เรี่ยวแรงแต่ก็สามารถหิ้วมันลอยขึ้นอย่างไม่อยากเย็น 

“คุณมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่าอาจารย์” 

เสียงส้นรองเท้าทรงสูงชะงัก 

ใบหน้าเรียวหันมองอย่างแทบไม่เชื่อหู เขาเรียกเธอว่า ‘อาจารย์’ มนัญชยาค่อนข้างแน่ใจว่าในคลินิกแห่งนี้คงไม่มีใครรู้ว่าเธอประกอบอาชีพอะไร เพราะไม่มีความจำเป็นต้องซักประวัติเจ้าของหมา แล้วการแต่งกายของเธอก็ไม่ได้บ่งบอกอาชีพ ไม่มีตราสัญลักษณ์สถานที่ทำงานติดตัวมาสักครั้งเดียว 

คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ รับรู้ถึงความผิดปกติจากประโยคนั้น… นนทภัทรคงรู้เรื่องบางอย่างเข้าแล้ว 

เธอสีใบหน้าซื่ออย่างที่สุดแล้วถาม “เรื่องอะไรเหรอคะ” 

“คุณมีลูกชายอายุ 8 ขวบได้ยังไง ทั้งที่ยังไม่เคยแต่งงาน ยังไม่เคยมีสามีเป็นตัวเป็นตน” 

------------------------------------------- 

“คุณไม่น่ามองผมนานขนาดนั้นเลยอาจารย์” เขาบอกเสียงหอบๆ หลังถอนริมฝีปากออกมันยังเต็มไปด้วยความชุ่มชื้นมีริมสติกสีหวานหลุดติดเลอะกระทั่งใต้ฐานจมูก 

เธอจูบไม่เก่งเอาเสียเลยแต่ความไร้เดียงสานั้นกอบกุมหัวใจทำให้เขาถอนหัวถอนใจไม่ขึ้นต้องฉกริมฝีปากลงไปลิ้มรสหวานจากกลีบปากคู่นั้นอีกครั้ง 

มนัญชยาเขย่งสุดปลายเท้ารับจูบที่สอง ผมยาวหลุดรุ่ยจากหนังยางรัดเพราะมือของเขาซึ่งสอดใต้ท้ายทอย… แม้แต่กระดุมเม็ดสองสามเล็กบนเสื้อยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากร่อนหลุดจากรังดุมตอนไหน หญิงสาวก้มต่ำมองสภาพเสื้อผ้าด้านหน้าของตัวเองซึ่งไม่อยู่ในสภาพเรียบร้อยนักเหมือนก่อนหน้านี้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาฉ่ำหวาน 

หากเธอบอกให้หยุดเขาจะหยุด เพราะตอนนี้จิตใต้สำนึกชั่วดีไม่สามารถร้องสั่งเขาได้เหมือนอย่างเคย มันต้องการเรียกหาอยากได้เธอเดี๋ยวนั้น วินาทีนั้น! 

ถ้าเขานอนกับเธออนาคตของพวกเขาจะยุ่งยากขึ้นหรือเปล่า มันน่าหงุดหงิดใจเป็นบ้าเมื่อเขาไม่สามารถใช้สมองหาคำตอบให้คำถามนั้นได้เพราะส่วนกึ่งกลางร่างกายมันตอบแทนหมดแล้วว่าไม่ต้องมันสนใจห่าเหวอะไรทั้งนั้นในเมื่อเธอเชิญชวนเขาขนาดนี้แล้วเขาก็อดอยากปากแห้งมาสักพักใหญ่ 

“ห้องนอนของคุณอยู่ไหนเหรอ” เขากระซิบข้างใบหู ขนอ่อนซีกที่ร่างกายถูกกระตุ้นลุกเกรียว 

เธอยิ้มเขินตอนมองลึกเข้าในดวงตาเร่าร้อน 

“หรือคุณอยากให้ผมหยุด...” เธอรู้ว่ามันเป็นแค่ประโยคที่ต้องการแสดงความเป็นสุภาพบุรุษเพราะตอนนี้ใจของเขาถึงเดินน้ำร่างกายไปที่เตียงนอนของเธอเรียบร้อยแล้ว 

มนัญชยารู้ว่าตัวเองกำลังจะทำตัวเหลวไหลในชีวิต 28 ปีของตัวเองเป็นหนที่สอง แต่เธอไม่อาจปฏิเสธความต้องการอันพลุ่งพล่านที่กระตุ้นเร้าภายในได้เลย 

เขาปัดปรอยผมของเธอไปด้านหลัง แล้ววางทาบมือเหนืออกข้างซ้ายที่ยังไม่หยุดสั่นสะท้าน 

“หัวใจคุณเต้นเร็วจัง”  

เธอฟังแล้วเม้มริมฝีปาก 

“คุณหมออยากลองตรวจดูมั้ยล่ะคะว่ามันเกิดจากอะไร”  

เขาขบริมฝีปากอมยิ้มขำนิดกับคำเชิญชวนแสนเซ็กซี่ระคนน่ารัก ปกติเขาตรวจแค่หมาแมวกับสัตว์เป็นส่วนใหญ่แต่หากเธอยากให้เขาลองสวมบทแพทย์วินิจฉัยอาการของคนซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากตัวเขาล้วนๆ แล้วเจ้าตัวก็ยินดีเช่นกัน 

“ก่อนอื่นเราต้องหาเตียงดีๆ เป็นที่ตรวจก่อน” 

------------------------------------------- 

เป็นเรื่องต่อจาก "ดั่งโซ่ทอง คล้องความรัก - The Best Thing You Gave" แต่สามารถอ่านแยกได้นะคะ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว