ร่างบางกำลังวุ่นอยู่กับการรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านด้วยความเพลิดเพลิน แม้ชีวิตจะไม่สวยหรู่เท่าไรนักแต่คนอย่าง รวงข้าว ติณานันท์ ไม่เคยคิดจะยอมแพ้ หลังจากที่แม่เสียภาระทุกอย่างจึงมาตกอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว ทั้งหนี้สินทั้งหมด
"ข้าว ข้าว ยัยข้าว" เสียงเรียกคุ้นหูทำให้เธอละจากการรดน้ำต้นไม้หันไปตามต้นเสียง พี่สาวลูกติดแม่เลี้ยงนั่นเอง
"มีอะไรเหรอคะพี่นิสา"
"หูแตกหรือไงฉันเรียกแกตั้งนานไม่ได้ยินแล้วนี่แม่ไปไหน" พอสร่างเมานิสาก็ถามหาผู้เป็นแม่ทันทีเพราะเธอร้อนเงินในตอนนี้
"แม่ไปไหนไม่รู้ค่ะ ข้าวว่าจะไปดูอาการพ่อที่โรงพยาบาลพี่นิสาไปด้วยกันไหมคะ"
เมื่อเช้าเธอได้รับโทรศัพท์จากหมอนัท หมอประจำตัวพ่อของเธอโทรมารายงานอาการอัมพาตที่ตอบสนองให้เธอได้ทราบ เธอดีใจและยิ้มออกในรอบสามเดือนตั้งแต่พ่อเข้าโรงบาล วันนี้วันดีเธอจึงอยากชวนนิสาไปเยี่ยมและให้กำลังใจพ่อด้วยกันถึงแม้นิสาจะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเธอเลยก็ตามแต่อย่างน้อยเธอก็โตมากับนิสา
"พ่อของแก แกก็ไปสิ" แต่สิ่งที่นิสาตอบกลับมานั้นทำให้เธอถึงกับน้ำตาคลอ
"ค่ะ"
สำนักงาน 'ไร่ทอแสง'
"บ้านฉันก็จำนองแล้วขอให้ฉันยืมเงินสักก้อนได้ทีเถอะฉันจะเอาไปต่อยอดสักสามสี่ตา สาธุเจ้าค่า" ผีพนันเข้าสิงจนทำให้หญิงแก่วัยกลางคนอย่าสาลินีถึงกับดั้นด้นเพื่อที่จะมาขอยืมเงินจากคนที่เธอพอรู้จักอย่าง พ่อเลี้ยงสุชาติ แสงธรรม พ่อเลี้ยงสุชาติรู้จักกันกับ ประชา สามีของเธอที่ตอนนี้นอนเป็นอัมพาตอยู่โรงพยาบาล
"ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ" เสียงจากข้างหลังทำให้สาลีหันไปพบพนักงานแต่งตัวเรียบร้อยสวมแว่นตาหนาเตอะ
"ฉันมาหาพ่อเลี้ยงสุชาติ"
"นัดพ่อเลี้ยงไว้หรือเปล่าคะ" พนักงานคนนั้นถามกลับด้วยท่าทางสงสัยในตัว
"จำเป็นต้องนัดด้วยเหรอพอดีว่าฉันรู้จักท่านเป็นการส่วนตัว" สาลินีเชิดหน้าพูดเน้นประโยคสุดท้ายด้วยท่าทางหยิ่งยโสอวดตัว
"ค่ะ งั้นสักครู่นะคะ!" พนักงานสาวพูดทิ้งท้ายแล้วเดินผ่านหน้าสาลินีไปเลย เธอจิกปากจิกคอให้กับท่าทางพนักงานที่นี่ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่