She is my witcher ขอโทษครับ นี่เเม่มดของผม

รักวัยรุ่น

She is my witcher ขอโทษครับ นี่เเม่มดของผม

She is my witcher ขอโทษครับ นี่เเม่มดของผม

LatteGirl

รักวัยรุ่น

1
ตอน
551
เข้าชม
17
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
6
เพิ่มลงคลัง

บทนำ 

Witcher หรือ Witch คือแม่มด ที่ทุกคนรู้จักกันดี ในร่างยายแก่ผมหงอกที่มีพลังวิเศษเหนือมนุษย์ แต่ความจริงนั้นผิดคาด 

ณ มหาวิทยาลัย

“Wit ในภาษาแองโกลแซกซอน แปลว่า หยั่งรู้ หรือต้องการรู้ ทุกคนคงสงสัยว่าภาษาแองโกลแซกซอนคืออะไร แองโกลแซกซอน คือคำที่ใช้เรียกผู้คนที่ตังถื่นฐานอยู่ในแถบใต้และตะวันออกของสหราชอาณาจักรระหว่างต้นคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึงช่วง ค.ศ.1066 ก็คือช่วงที่เกิดการรุกราน...”

               อาจารย์ในภาควิชาเสรีที่ฉันเลือกกำลังบรรยายในเรื่องที่ฉัน มีความรู้เป็นอย่างดี ทำให้ฉันรู้สึกเบื่อและง่วงซึมเป็นอย่างมาก ฉันมองออกไปที่นอกหน้าต่างก่อนจะมองนกน้อยสีน้ำตาลที่เกาะอยู่ที่กิ่งไม้แก่ มันจิกกัดตนเองเพื่อบรรเทาอาการคันตามบริเวณตัว ก่อนจะมีนกอีกฝูงหนึ่งซึ่งมีสีแตกต่างกับตัวเดิมมาห้อมล้อมและรุมจิกนกสีน้ำตาลก่อนที่มันจะบินหนีไป ฉันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

               มันเหมือนกับพวก แกะขาวแกะดำ หรือเป็นพวกแตกต่างและไม่เข้าพวก ต่อให้ใครต่อใครมาอธิบายให้ฉันฟังว่าผู้ที่แตกต่างนั้นควรปรับเข้าหาคนกลุ่มใหญ่ แต่ฉันกลับคิดต่าง

               คงเป็นเพราะฉันเคยโดนกระทำเช่นนั้นมาเลยรู้สึกดี การปรับเข้าหาใครมันไม่ใช่เรื่องง่าย และการโดนรังแกเพราะความแตกต่างเป็นเรื่องที่แย่

“ไพลิน แกพาฉันมาเรียนวิชาไรเนี่ย” เมื่อเสียงข้างฉันดังขึ้น ทำให้ฉันตื่นจากความคิดและรีบหันไปหาเธอทันที สีหน้าของนาเดียร์บ่งบอกถึงความเฉือยและเนือย สายตาบ่งบอกถึงอาการง่วงที่มีสาเหตุมาจากการนั่งตัดโมเดลร่วมกับฉันทั้งคืนและวิชาเสรีที่ฉันและเธอเลือกเรียนในเทอม

“นั่นดิ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะง่วงขนาดนี้ ขอโทษนะแก” ฉันขำในลำคอเบาๆ ก่อนจะกล่าวขอโทษขอโพยกับเพื่อนสนิทข้างๆ ทำให้เธอเผยรอยยิ้มจางๆออกมาก่อนจะโบกมือเบาๆเชิงว่าไม่เป็นไร

“ซึ่งวันนี้ ในวิชาประวัติศาสตร์ เราจะมาเรียนเรื่อง ชาววิชหรือเหล่าพ่อมดแม่มดในตำนานกันนะครับ ชาววิชนั้นสามารถสะกดจิตได้ อ่านใจคนได้ และยังสามารถอ่านเรื่องราวเก่าๆได้ ถือว่าเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ เพราะว่าความสามารถของชาววิชนั้นเป็นประโยชน์กับมนุษย์มาก”

เห็นแก่ตัว

“แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ในตำนานก็ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อถึงคราวที่พวกมันต้องล่าพวกเรา มันก็จะล่าแบบไม่คิดชีวิตใครทั้งนั้น ชาววิชเกิดการล่ามนุษย์ขึ้น ทำให้เหล่ามนุษย์ต้องออกมาล่าชาววิชกลับและรุมประณามชาววิช ทำให้ประชากรค่อยชาววิชจำนวนลดน้อยลง”

“แล้วตอนนี้ยังมีอยู่มั้ยคะอาจารย์?” ทันทีที่อาจารย์เว้นจังหวะในการบรรยาย นักศึกษาสาวคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นและเอ่ยถามอาจารย์ทันที

“จากข่าวความคืบหน้าต่างๆก็ไม่มีนะครับ ไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะสูญพันธ์ไปแล้วหรือเป็นเพราะพวกเขาพรางตัว ระวังตัวดีๆนะครับ”

“น่ากลัวจังค่ะ ถ้าสมมติมันสะกดจิตเรา และเอาเราไปอะไรที่ไม่ดี กินเราแบบนี้ น่ากลัวมากเลยเนอะแก” นักศึกษาข้างๆกล่าวขึ้นก่อนจะทำตัวสั่นทั่วไปทั้งร่างกาย สีหน้าหวาดกลัวนั่นทำให้คนข้างๆและใครก็ตามที่เห็นก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวๆตามๆกันไปทั้งเซค

“ฮ่าๆ ไม่ต้องกลัวหรอกครับนักศึกษา เพราะชาววิชไม่กินมนุษย์และปัจจุบันพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับเราแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ชาววิชนั้นก็ไม่ต่างกับมนุษย์อย่างเราหรอกครับ มีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป และมนุษย์กับชาววิชก็เคยทำพันธะสัญญาร่วมกันแล้วหลังจากเกิดช่วงไล่ล่า สิ่งนี้แหละครับที่ผมกำลังจะบรรยายต่อ” อาจารย์พูดปนขำเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่หน้าจอโน้ตบุ้คและเลื่อนสไลด์ต่อไป

“ไพลินๆ”

“ฮึ?” นาเดียร์โน้มตัวเข้ามาและสะกิดฉันเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเรียก

“แกว่าชาววิชมีจริงมั้ยวะ” นาเดียร์ทำหน้าเคร่งเครียดก่อนจะมองหน้าฉันจริงจัง

“ไม่มีหรอก มันก็เป็นแค่ตำนาน ผ่านมาหลายร้อยปีแล้วด้วย” ฉันพูดก่อนจะละสายตาจากนาเดียร์มามองชีทเรียน

“เออเนอะ พูดละก็น่ากลัว ถ้าตอนนี้ยังมีอยู่ก็คงอันตรายน่าดู”

               ประโยคของนาเดียร์นั้นทำให้ฉันหยุดชะงัก ความคิดทุกอย่างนั้นแล่นอยู่ในสมองปะปนกับคำพูดที่ว่าน่าขยะแขยงและน่ากลัวยังดังห้องอยู่ในโสตประสาทของฉัน คำถามและข้อสงสัยมากมายต่างพรั่งพรูเข้ามาหาฉันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

               ‘พวกเรามันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรอ’ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว