“ชีวิตคนเราก็เป็นเหมือนผลึก...
งดงามเมื่อจ้องมอง แต่เจ็บปวดเมื่อสัมผัส...”
หลายครั้งที่คนเราเกิดความขัดแย้งกันนับเป็นทศวรรษ ทั้งสงคราม การปฏิวัติ การก่อการร้าย ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตมีจุดเชื่อมโยงเดียวกัน คือเริ่มจากการที่ผู้คนมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน และหาวิธีปรองดองไม่ได้จนนำไปสู่เหตุการณ์น่าสลดที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่ทว่า ณ ปัจจุบันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว ในตอนนี้ความสงบสุขที่แท้จริงได้กลับมาสู่ผู้คน เมืองในป้อมปราการที่คอยปกปักรักษาพวกเราให้พ้นจากสงคราม จนพวกเราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้มาตลอด 18 ปีที่ผ่านมา
จริงเหรอ ?
ภายใต้ความสงบสุขจอมปลอม น้อยคนที่จะรู้ว่ามันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง ที่พวกเขาสามารถธำรงความสงบสุขไว้ได้ พวกเขาต้องสังเวยชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมากโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว ที่นี่มีกฎเพียงอย่างเดียว
“ใครที่คิดเห็นต่าง ไม่ตรงตามอุดมคติของเมือง จะถูกกำจัด”
ได้ยินไม่ผิดหรอก พวกเขาทำแบบนั้นมาเป็นเวลา 18 ปี จนการตายกลายเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ทั่วไปแล้ว ถ้าพวกเราเดินไปในท้องถนนและเห็นคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ตายไปเฉย ๆ อย่าได้แปลกใจ เพราะไม่นานทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็จะทำกิจวัตรของตนต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น บอกแล้วการตายเป็นเรื่องปกติของที่นี่
ถามว่าพวกเขาทำได้ยังไง พวกเขาใช้ผลึกทดลองที่มีชื่อว่า “คริสตัลไลเซอร์” ฝังเข้าไปในร่างกายของประชาชนทุกคน เพื่อตรวจจับความคิดของทุกคนว่าเข้าข่ายคิดเห็นต่างรึเปล่า ถ้าตรวจพบคริสตัลไลเซอร์ก็จะสังหารคนคนนั้นในทันทีโดยการทำให้คนคนนั้นกลายเป็นผลึกทั้งร่างและแตกสลายไป
ไม่เหมือนผู้กระทำผิดในสมัยก่อน ที่ต้องแจ้งความกับตำรวจก่อนถึงจะรับทราบ แต่ด้วยผลึกนี้ มันจะเปลี่ยนเป็นอาวุธสังหารได้ทุกขณะโดยไม่ต้องรอการพิจารณาใด ๆ ไม่มีการอุทธรณ์ ไม่มีการขอร้องวิงวอน มีเพียงแค่ยอมรับความตายอย่างน่าอนาถ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะถูกฆ่าจนหมด...
ยังมีอีกกลุ่มที่ผลึกแยกตัวกับความคิดของพวกเขา เราเรียกว่าพวกเขาว่า “ผู้อยู่เหนือการควบคุม” คือพวกที่คริสตัลไลเซอร์ไม่ส่งผลต่อพวกเขา ทำให้พวกเขาเป็นอิสระจากผลึกสังหาร แต่ทว่าพวกเขาถูกระบุให้เป็นพวกผิดแผก พวกเขาจึงไม่สามารถมีจุดยืนในสังคมได้ จึงได้รวมตัวกันสร้างกลุ่มกบฏที่ต่อต้านระบบการปกครองโดยใช้ชื่อว่า “ผู้ถูกทอดทิ้ง” ต่อมาผู้อยู่เหนือการควบคุมทั้งหมดจึงถูกเรียกเหมารวมว่าผู้ถูกทอดทิ้งไปโดยปริยาย
พวกตัวละครหลักเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกบฏ และพวกเขาจะต้องดำเนินแผนการต่อต้านรัฐบาลที่พวกเขารอมานาน แต่คริสติน่า วอริเออร์ นางเอกของเรื่อง เกิดความรู้สึกเคลือบแคลงใจที่จะร่วมมือ เพราะมีปริศนาอีกมากมายที่เธอยังไม่ได้รับคำตอบที่ไขกระจ่าง ความลับของกลุ่มที่เธออยู่ ความลับของระบบการปกครอง ไม่มีอันไหนกระจ่างสักอย่าง เธอจึงต้องตามหาความจริงไปพร้อมกับเอาชีวิตรอดในเมืองที่แสนโหดเหี้ยมแห่งนี้ อีกทั้งต้องคาดเดาเจตนารมณ์ของเพื่อนร่วมทีมที่ดูคลุมเครือ การเอาตัวรอดในโลกที่พวกเธอเสียเปรียบ โลกที่ไว้ใจใครไม่ได้ เชื่อคำพูดใครไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเอง...
พวกเธอจะรอดหรือไม่ ?
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
ห้ามคัดลอกเนื้อหา ภาพประกอบ รวมทั้งดัดแปลงเป็นแถบบันทึกเสียง ตลับวีดิทัศน์ หรือเผยแพร่ด้วยรูปแบบและวิธีการอื่นใดก่อนได้รับอนุญาต
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนายุยงส่งเสริมให้มีทัศนคติในแง่ร้ายต่อสังคม หรือวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงใด ๆ พฤติกรรมของตัวละครทุกตัวเกิดจากสถานการณ์ในเนื้อเรื่อง ไม่สนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบตามตัวละครในเรื่อง อีกทั้งอาจมีพฤติกรรมความรุนแรง จนเลือดตกยางออก และการใช้คำพูดที่ส่งผลเสียต่อจิตใจ ควรใช้วิจารณญาณในการรับชมอย่างสูง หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผู้แต่งต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้
(Smantha, 2560)
เรื่องนี้แต่งจบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 แล้ว แต่ที่ลงในปี พ.ศ. 2561 เนื่องจากเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิค จึงไม่สามารถลงนิยายในเวลานั้นได้ จำนวนตอนนิยายที่แสดงจะเกินจากความจริงไป 26 ตอน เนื่องด้วยสาเหตุข้างต้นผู้แต่งจึงเลือกลบนิยายและลงใหม่ในวันหน้า แต่จำนวนตอนนิยายไม่ลดตาม จึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน
(Smantha, 2561)
ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 0 : 00 น. เริ่มวันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
เรากำลังดำเนินการแก้ไขเพื่อลงใหม่ (Rewrite) เพื่อจำหน่ายเป็น E-Book ดังนั้น นี่ไม่ใช่เวอร์ชันที่ดีที่สุด เวอร์ชันที่เผยแพร่อยู่ขณะนี้ไม่ใช่เวอร์ชันเดียวกับที่จะจำหน่ายเป็น E-Book สัญญาว่าเวอร์ชันที่จะจำหน่ายเป็น E-Book ต้องคุ้มทุกบาททุกสตางค์ของคนอ่าน รอติดตามได้เลย
(Smantha, 2566)