[Speechless] รัก 3 มิติ
0
ตอน
329
เข้าชม
17
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

เที่ยงวันของร้านขนม ‘นวลเบเกอรี่' ก็เริ่มพลุกพล่านไปด้วยผู้คน เนื่องจากเป็นเวลาพักเที่ยงของพนักงานที่บริษัทใกล้ๆนี้ นวลพร หรือที่ใครๆเรียกกันว่าแม่นวล ผู้ก่อตั้งร้านจากร้านข้างถนนมาเป็นร้านเบเกอรี่ที่มีชื่อเสียงในย่านนี้ แม้จะไม่ได้ดังขนาดมาทำแฟนไชน์ได้ แต่ก็เป็นที่พูดกันปากต่อปากว่า ‘ถ้ามาแถวนี้ ต้องกอนขนมร้านนวลนะ' หญิงวัยใกล้เกษียณชุลมุนอยู่กับหน้าแคชเชียร์ คอยคิดเงินให้ลูกค้า ถึงแม้หน้าของหญิงแกร่งอายุ 56 ปีคนนี้จะดูอบอุ่น มีน้ำใจ และอ่อนโยน แต่แท้ที่จริงแล้วภายในนั้นซ่อนบางสิ่งที่ตรงข้ามอย่างเหลือเชื่อ!
           เกลือสินเทาดีๆนี่เอง!
           ชื่อเสียงของร้านนวลเบเกอรี่จะเป็นที่เรื่องลือมากเท่าใด ก็ยังแพ้ชื่อเสียงเจ้าของฉายา เกลือสินเทา พร้อมสโลแกนแนบกาย ‘ขมนไม่เค็ม คนเค็ม'
            “จิ๊บ เหมือนป้าได้ยินเสียงแอร์ในห้องพักพนักงาน ปิดแอร์หรือยัง?”
            จิ๊บเด็กสาววัย19ปีที่พึ่งมาทำงานที่นี่ได้ 2 เดือน ยิ้มเจื่อนๆ หล่อนเป็นคนออกจากห้องคนสุดท้าย และลืมปิดอย่างที่นวลพรบอกจริงๆ! ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราจะมีความสามารถได้ยินเสียงแอร์ที่อยู่ชั้นสองท่ามกลางเสียงจอแจของลูกค้าและพนักงานได้! หรือนี่คือ อภิหารเกลือสินเทา!
            จิ๊บกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนรวบรวมสติ “เดี๋ยวจิ๊บจะไปปิดนะคะ"
             นวลพรส่งสายตาพิฆาต “ไว้ก่อน ตอนเที่ยงลูกค้าเยอะ เดี๋ยวค่อยไปปิดหลังจากนี้"
ต่อให้เค็มขนาดทะเลยังม้วนอายแค่ไหน นวลพรก็ให้ความสำคัญกับลูกค้ามาอันดับหนึ่ง ที่ร้านของหล่อนดังและอยู่มาได้นานเกือบ20ปีขนาดนี้ นอกจากรสชาติแล้วก็เรื่องบริการประดุจญาตินี่ละ
             “วันนี้ไม่ต้องเอาขนมกลับบ้านนะ โทษฐานลืมปิดแอร์" 
             “ค่ะ" จิ๊บยิ้มอยู่ในใจ นี่ถือว่าโทษสถานเบา ปกติร้านจะทำขนมวันต่อวัน ถ้าเหลือก็จะให้พนักงานแบ่งกันกิน
            “เห็นคุณมุกด์บ้างไหม? หายไปไหนเลย"
            “คุณมุกด์ออกไปข้างนอกค่ะ เอาของไปส่งให้ลูกค้า"
            “ตายแล้ว!” นวลพรร้องอย่างตกใจ “ใครกันใช้ให้ยายมุกด์ไป พึ่งขับรถล้มเมื่อเดือนก่อน นอนโรงพยาบาลตั้งสองวันแท้ๆ ยังไม่เข็ดอีก แล้วทำไมสนิทไม่ไปแทน?"
             คุณมุกด์ หรือ พิมุกด์ ลูกสาวคนเดียวที่นวลพรทั้งรักทั้งหวงแหนราวกับลูกในไส้ เรียกได้ว่ารักมากกว่าลูกแท้ๆตัวเองเสียอีก พิมุกด์เป็นเด็กกำพร้าได้นวลพรมาชุบเลี้ยงดูตั้งแต่4ขวบ เป็นผู้หญิงสวย น่ารัก ฉลาด พูดจาหลักแหลม บทจะพูดให้คนดีใจก็ดีใจจนใจหาย บทจะจิกกัดก็เผ็ดแสบจนต้องขอว่านหางจระเข้มาประคบ ส่วนลูกชายแท้ๆ อีกคนคือ พจน์ บุคคลิคแตกต่างจากพิมุกด์ราวกับฟ้าเหว หนุ่มเจ้าสำราญ ดีกรีวิศวะจากเมืองผู้ดี ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผู้หญิงสองคนในบ้าน ตอนนี้กลับจากอังกฤษมาทำงานที่ประเทศไทยได้ปีกว่าแล้ว แต่ไม่เคยเข้ามาในร้านเลยสักครั้งเดียวตั้งแต่กลับมา
            “คุณมุกด์ยืนยันจะไปเองครับ ผมห้ามแล้วก็ไม่ฟัง" สนิท ผู้ช่วยที่อยู่กับนวลพรมานานเอ่ยอย่างอ่อนใจ 
            “ยายมุกด์นะยายมุกด์ แม่ห้ามอะไรไม่เคยฟัง"
            “คือคนที่สั่งเป็นคุณพจน์นะครับ เธอเลยบอกจะเอาไปให้เอง ตอนออกไปนี่ทำหน้าเหมือนจะไปรบนะครับ เธอทิ้งท้ายก่อนออกไปด้วยว่า ‘จะเอาขนมฟาดให้สมองกลับมาสักที' เรื่องมันเป็นอย่างงี้แหละครับคุณนวล"
            “เฮ้อ อย่าบอกนะว่าไปทะเลาะกันที่บริษัทน่ะ" นวลพรถอนหายใจ
            “คงไม่หรอกครับ พูดซะขนาดนั้น" สนิทเกาหัวแกรกๆ เหนื่อยใจกับพี่น้องต่างสายเเลือดคู่นี้

            รถมอเตอร์ไซต์สีขาวขับผ่านป้อมยามเข้ามาจอดหน้าบริษัท หญิงสาวถอดหมวกกันน็อคเผยให้เห็นผมยาวสีดำสนิท ใบหน้าหวานที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยความโกรธที่มีต่อพี่ชาย
            มันน่าไหมละ กลับมาตั้งปีนึงละ มาให้แม่เห็นหน้าแค่2ครั้ง และ2ครั้งที่ว่าไม่มีหล่อนด้วย ร้านก็ไม่เคยเข้าไปสักครั้ง แถมดันสั่งแบบเดลิเวอรี่อีก มันน่าโดนสักทีไหม!
           “จะอัดให้เละเลยนะ คอยดู"
           หล่อนกดลิฟไปยังชั้นที่ต้องการ ปากก็บ่นพึมพำตั้งแต่รอลิฟจนลิฟเข้ามา แผ่รังสีอำมหิตซะคนรอบข้างขวัญผวา
          “แกๆ เขามาตามผัวเปล่าวะ" หญิงสาวคนนึงกระซิบกับเพื่อน ราวกับโลกนี้มีเพียงเธอสองคน
          “ไม่แน่วะ หน้าทะมึงขนาดนั้น เราอยู่ห่างๆดีกว่า" 
          ไม่ได้ยินเลยว่านินทา! พิมุกด์พึมพำในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป พยายามปรับสีหน้าให้ธรรมดามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่หน้าธรรมดาที่เธอว่าก็ยังสามารถทำให้เด็กร้องไห้ได้เพียงสบตาครั้งเดียว
           เมื่อลิฟเปิดออก พิมุกด์ก้าวชับๆ สอบถามกับพนักงานแถวนั้น ถามถึงแผนกของพี่ชายตน ไม่นานก็มาถึง แทนที่จะได้เจอร่างสูงที่หายหน้าหายตา กลับเจอแต่โต๊ะไร้เจ้าของ พิมุกด์มองไปรอบๆ
          “หรือจะไปเข้าห้องน้ำ"
          หญิงสาวสำรวจโต๊ะของพี่ชายที่รกรุงรังไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ถูกกินไปแล้วครึ่งหนึ่ง ความโกรธที่ตั้งใจจะมาใส่กับเจ้าของบะหมี่นั้นก็มลายแทบหายสิ้น 
         “ทำไมกินของแบบนี้กันนะ"
          ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นความห่วงใย หล่อนรับรู้ดีว่าหลังจากกลับจากอังกฤษ พจน์ต้องเผชิญกับความเครียดขนาดไหน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหางานได้ทันทีหลังจบแม้จะจบจากนอกก็ตาม พจน์เป็นคนว่างงานเกือบ 6 เดือน เพราะไม่มีบริษัทไหนรับพนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ จนในที่สุดก็มีบริษัทเล็กๆบริษัทนึงจ้าง พจน์ทำงานอย่างจริงจังผิดกับนิสัยขี้เล่น เขาถูกกดดัน ดูถูกจากญาติ เพราะตอนที่พจน์ขอไปเรียนต่อต่างประเทศ เป็นช่วงเดียวกับที่ทางร้านมีปัญหา นวลพรต้องไปขอยืมเงินจากญาติเพื่อส่งเขาเรียน แม้นวลพรจะไม่เคยกดดันลูกและให้กำลังใจตลอด แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความเครียดนั้นหายไป เมื่อเขากลับมาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับว่าเขาคิดถูก
        “คุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง คุณทำแบบนี้ไม่ได้"
         เสียงเอะอะโวยวายดังมาจากห้องกระจกใส มีชายหนุ่มสองคนเดินออกมาพร้อมกัน คนนำหน้าเป็นชายวัยกลางคน สีหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแสยะ ส่วนคนข้างหลังไปต้องบอกก็รู้ว่าคือใคร พี่ชายหล่อนนั้นเอง
          “แล้วคุณจะทำไม"ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วม บอกถึงฐานะมีอันจะกินตอบกลับ สีหน้าเรียบเฉย
         “นี่มันงานของผม ผมอดหลับอดนอนมาเพื่อมัน แต่คุณเอาผลงานผมไป ขโมยมันไปพรีเซ็น"พจน์พูดเสียงดัง หน้าตาเขาตอนนี้ทะมึงถึง ทั้งโกรธทั้งเสียใจ อยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
          “ไหนละหลักฐานว่าคุณทำ ไหนละ ไหน นี่มันโปรเจคฉัน แกทำในนามฉันหมด" 
          “ผมจะฟ้อง"
          “เอาเลย เอาเลยสิ ตามสบาย เพราะผมก็จะฟ้องคุณกลับเหมือนกัน" เขาผายมืออย่างไม่ยี่หรา
          “ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้ ผมคิดว่าเราเป็นเพื่อน พี่น้องกันซะอีก”น้ำเสียงนั้นตัดพ้อเสียจนคนที่อยู่นอกบทสนทนาอย่างหล่อนเองสะท้านใจ
หล่อนไม่เคยเห็นพี่ชายหล่อนเป็นแบบนี้มาก่อน ตาคมวาวจ้องไปที่ชายวัยกลางคนนั้นอย่างหมายมั่น
เขาโน้มหน้าเข้ามากระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคน 
          “ไม่มีพี่น้องในวงการนี้หรอกนะ เลิกโง่แล้วโตสักที"พูดจบก็ปัดแขนเสื้อพจน์ พลางจัดปกคอเสื้อและเนคไทให้
          “ไอ้สารเลว!” มัดลุนๆปล่อยเข้าไปที่หน้าตาแก่นั้นจนลงไปนอนกองกับพื้น “กูลาออก!”
พจน์ข่มอารมณ์ไว้แล้วเดินมาที่โต๊ะของตน สองพี่น้องสบตากัน พจน์ไม่ได้กล่าวอะไร ก้มหน้าเก็บของสำคัญไม่กี่อย่าง
          “ลงไปรอข้างล่าง เดี๋ยวน้องตามไป"
           พูดจบร่างบางก็เดินจากพี่ชายแล้วตรงไปหาคู่กรณีเมื่อครู่ที่ตอนนี้มีพนักงานบางส่วนที่พึ่งกลับมาจากพักกลางวันเข้ามาประคองบวกกับเผือกเรื่องราวไปเม้าท์มอยกัน
          “ไอ้พจน์ มึงเจอแน่ กูจะเอามึงให้ถึงที่สุด" ชายแก่อ้วนชี้หน้าหมายมั่น
           พิมุกด์เปิดกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี มันคือคัพเค้กรสส้มของขึ้นชื่อของร้าน หล่อนยิ้มพิฆาตให้กับชายร่างอ้วนที่หน้าบวมไปแถบ
          “เจ็บมากไหมคะ?”น้ำเสียงหวานราวกับน้ำผึ้งที่ซ่อนเหล็กในเอาไว้
           คนพึ่งโดนต่อยไปหมาดๆยังฉุนไม่หาย แต่พอเห็นหน้าขาวนวลสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ก็พยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ
          “นิดหน่อยครับ ผมไม่น่าไปรับพวกอันธพาลเลยจริงๆ เห็นว่าเรียนเมืองนอกนึกว่าจะมีมารยาท ที่ไหนได้สถุนชัดๆ"
         แปล๊บ! กล้าด่าพี่ฉันหรอ?
           “งั้นหรอ..”หญิงสาวยิ้มเย็น “กินขนมของคนไร้มารยาทหน่อยเป็นไง" 
           คัพเค้กรสส้มก็ไปบรรเลงอยู่ที่หน้าอวบอ้วนนั้น พร้อมกับอันที่สองที่สามตามมา ร่างอ้วนนั่นล้มลงไปกองข้างล่างอีกครั้งเพราะแรงผลัก พิมุกด์ได้โอกาสยกขากระทืบไปอีกสองสามครั้ง
           “อีบ้า นี่มึงทำอะไรเนี่ย"
           “นั่นมันพี่ชายฉัน เจอกันที่ศาลแน่" พูดจบร่างระหงก็สะบัดหน้าเดินจากไป พร้อมตำแหน่งผู้ชนะ
           “เขาไม่ได้มาตามผัววะแก เขามาหาพี่ชาย" หญิงสาวสองคนที่อยู่ในลิฟเมื่อครู่กระซิบกระซาบ
           “เออ หน้าตาดีทั้งพี่ทั้งน้องเลยวะ"


           พจน์มารอพิมุกด์ข้างล่าง เขารู้จักนิสัยน้องสาวคนนี้ดี และรู้ด้วยว่าจะทำอะไร อยากจะห้าม แต่อีกใจก็อยากจะกลับซัดมันให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าขืนอยู่ต่ออีกวินาทีเดียว เขาต้องซ้อมมันจนเกือบตายแน่ ให้น้องสาวจัดการแทนจะดีกว่า เขาพยายามปรับอารมณ์ให้ปกติที่สุด 
          “พี่พจน์ รอนานไหม"เสียงใสเรียกพี่ชาย
          “แกทำอะไรรุนแรงหรือเปล่า"
          “แค่เอาคัพเค้กส้มไปให้ลองชิมเฉยๆ สูตรใหม่ของร้านเลยนะ เห็นน้องเป็นคนยังไง ไม่ได้ชอบใช้ความรุนแรงเหมือนใครบางคนนะ" 
พจน์ยิ้มออกมานิดนึง เรื่องเหน็บแหนมนี่ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ “ขอโทษละกัน"
สองพี่น้องสบตากัน แล้วยิ้มออกมา ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ ทั้งสองก็เข้าใจกันดี “จะบอกแม่ยังไง”
          “ก็บอกไปตามตรงนั้นแหละ” พจน์ถอนหายใจ “พี่ลาออก กำลังหางานใหม่ ตอนนี้ขอเกาะแม่กินไปก่อน"
          “สนใจเป็นพนักงานร้านเบเกอรี่ไหม?”
           พจน์หัวเราะ “ตำแหน่งว่างหรอ?”
          “ไม่ว่างก็ทำให้ว่างได้ พอดีว่าเส้นใหญ่จะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าจะสมัครเนี่ยต้องสัมภาษณ์ก่อนนะ เพราะว่าคุณนายเจ้าของร้านเนี่ยดุมากๆเลย ไม่งั้นไม่ให้เข้าหรอก"
          พจน์หัวเราะน้อยๆ ทำให้หล่อนพลอยยิ้มไปด้วย การมีครอบครัวที่เข้าใจมันดีแบบนี้นี่เอง เขามองน้องสาวที่แม้จะต่างสายเลือด แต่เขาก็รักเหมือนน้องสาวแท้ๆ 
          “คำถามก็ง่ายๆ เช่น เป็นยังไงบ้าง กินมาม่าวันละกี่ห่อ นอนวันละกี่ชั่วโมง ไม่สบายหรือเปล่า ไม่รู้หรือไงว่าแม่เป็นห่วง”
พจน์นิ่ง ตอนนี้ในหัวใจเขากำลังร้องไห้ คนที่เขาควรเห็นค่ามากที่สุดคือ ครอบครัวสิ ไม่ใช่งาน ไม่ใช่โปรเจคบ้าๆที่ทำแทบตาย แต่กลับถูกขโมยไป
          “พี่ขอโทษที่ไม่ได้กลับบ้านเลย แม่คงบ่นหูชาแล้วละมั้ง"
          “จะเหลือหรอ บอกว่าถ้ากลับมาจะตีให้ตาย มรดกก็จจะยกให้น้องหมด" พจน์ทำหน้าแหย้ “แต่ก็บ่นไปงั้นแหละ คิดถึงจะตาย"
          “ขอบใจนะมุกด์"
          “หึย พูดอะไรแบบนั้น น่าขนลุกชะมัด เอาเป็นว่ากลับบ้าน'เรา'กันเถอะ"


           พจน์กลับมาบ้านก็โดนด่าชุดใหญ่ พิมุกด์ต้องแฝงกายเข้าห้องไปก่อนจะโดนลูกหลง เมื่อคุณนายหญิงแห่งนครนวลบ่นจนหนำใจ ก็รีบไปจัดแจงกับข้าวกับปลามาต้อนรับลูกหัวแก้วหัวแหวน แต่ปากก็ยังบ่นพึมพำๆ
          "มุกด์ วันนี้พี่จะไปผับ ไปม่ะ พอดีเพื่อนกลับมาน่ะ ต้องต้อนรับซะหน่อย"
          "เพื่อนที่ไหนกัน? มุกด์รู้จักไหม"
          "คนนี้ไม่รู้จักหรอก เจอกันที่อังกฤษ หล่อมากเลยนะเว้ย คนดีด้วย พี่รับรอง"
          พิมุกด์เบ้ปาก "แล้วทำไมน้องต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนพี่ด้วยละ แล้วบรรยายสรรพคุณมาทำไมมิทราบ"

"เอ้า ก็ฉันอยากให้แกรู้จักไง"

พอกลับมาสู่สภาวะปกติ ลิ้นกับฟันก็คงต้องกระทบกันตามเคย

"และที่น้องพูดเนี่ย ไม่ชัดเจนหรอว่าไม่อยากรู้จัก"

"น่า นะ นะ ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย วันนี้เศร้ามากโดนไล่ออกจากงาน โดนแม่บ่น เศร้ามากเลย" พจน์พยายามทำตัวน่าสงสาร ส่งสายตาอ้อนวอน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

"อย่าไปทำแบบนี้อ้อนผู้หญิงที่ไหนนะ แสบลูกตามากอะ นึกว่าไปเจอผีมา"

"เห้ย แรงเกินไปแล้ว คนออกจะหล่อ"

"ย่ะ เข้าใจนิยามคำว่าหล่อผิดแล้ว"

พจน์ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง เพราะรู้ว่ายังไงก็สู้ไม่ได้ "ตกลงจะไปไม่ไป"

"ไปก็ได้ ไปเพราะอยากออกไปเที่ยวหรอกนะ ไม่ได้เที่ยวนานแล้ว ไม่ได้ห่วง เห็นใจ อะไรหรอกนะ"

"คนปากแข็งยังไงมันก็ปากแข็งแหละวะ แก้ไม่หาย"พี่ชายได้แต่ส่ายหัว เอือมกับพฤติกรรมปากอย่างใจอย่าง

"พูดมาก"

 

 

ผับเล็กๆไกลจากบ้านของพิมุกด์อยู่หลายกิโล แต่ใกล้กับคอนโดฯของพจน์ เป็นที่นัดหมายของพจน์และ ปัถย์ เพื่อนสุดแสนรักที่ขนาดต้องลากเธอมา พบปะ ทักทาย และพูดคุย หมอนี่เป็นใครยังไงหล่อนไม่สนใจ และก็ไม่ได้อยากเที่ยวอย่างที่บอกไว้แต่แรก เพียงแต่ห่วง กลัวพี่ชายคนเดียวที่ขี้ใจอ่อนจะโดนใครหลอก ดื่มจนเมาและหาทางกลับไม่ได้ต่างหาก แต่เรื่องจะให้พูดออกไปตรงๆนะหรอ ไม่มีทาง!

"นี่เพื่อนพี่หลงทางหรือเปล่าเนี่ย มารอจนรากจะงอกอยู่ละ เรียกพนักงานมาพรวนดินหน่อยสิ" พิมุกด์หยอกกึ่งเล่นกึ่งฉุน

"มันพึ่งกลับมา แกก็ใจเย็นหน่อย"

"แล้วทำไมไม่ไปรับ"

"มันบอกจะมาเองน่ะสิ รู้งี้ไปรับดีกว่า"พจน์มองรอบๆร้านไม่ได้ใหญ่มาก ไม่ว่ายังไงเขาต้องเห็นแน่ถ้าเพื่อนเขามาถึงแล้ว "อ๊ะ มาแล้ว" พจน์โบกมือแล้วกวักให้มาที่โต๊ะ

พิมุกด์มองตามพี่ชาย ร่างสูงสง่า ซึ่งหล่อนมั่นใจว่าต้องเกิน 180+ แน่ๆ หน้าเข้ม ผิวขาว กับแววตาเจ้าเล่ห์ที่เหมือนจะล่อลวงทุกคนที่เผลอไปจ้องมัน และรอยยิ้มเล็กๆทักทายเพื่อนมาแต่ไกล

หล่อมาก หล่อจริงจัง พิมุกด์พึมพำในใจ หากแต่สีหน้าเรียบเฉย

"หล่อใช่ม่ะ"พี่ชายใช้ศอกกระทุ้งเบาๆที่น้องสาว

"หล่อ หล่อแบบธรรมดาทั่วไปละนะ"

"โกหกชัดๆ"

พิมุกด์ตั้งใจจะแก้ตัว แต่ก็ต้องชะงัก เพราะร่างสูงที่ว่าก้าวยาวๆไม่กี่ก้าวก็มาถึงที่โต๊ะแล้ว

"สบายดีไหม ไม่เจอกันตั้งปีกว่า"

"เหอะ อย่าให้เล่าเลยวะ เรื่องมันเศร้า" พจน์ค่อนเสียง "นี่น้องสาวฉัน พิมุกด์ เรียกมุกด์เฉยๆก็ได้"

"สวย" เขาบอก หล่อนไม่แน่ใจว่าเห็นแวบนึงเหมือนเขากำลังเคลิ้ม "ผมปัถย์ครับ ปัถย์เฉยๆ"

"สวัสดีค่ะ" หล่อนยิ้มทักทาย จริงอยู่ว่าเขาหล่อมากจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวสนใจเขาแต่อย่างใด

ทั้งสองทักทายกันอีกเล็กน้อย พจน์กับปัถย์จะเป็นคนคุมการสนทนาโดยมีหล่อนเข้ามาแจมด้วยนิดหน่อย ยังดีที่เพื่อนพี่ชายคนนี้ไม่หน้าม่อเหมือนเพื่อนคนอื่นที่พอเห็นเธอละ จะชอบส่งสายตา คล้ายจะชวนสานสัมพันธ์จนหล่อนอึดอัด เขาเพียงแต่หันมามองเป็นครั้งครา ดูไปแล้วก็สุภาพดี

ฤทธิ์สุราเริ่มเล่นงาน แต่เหมือนจะเล่นงานพี่ชายเธอคนเดียว เพราะอีกฝ่ายยังดูสบายๆราวกับของเหลวที่ถืออยู่คือน้ำเปล่าบริสุทธิ์

"ผมเป็นพวกคอแข็งน่ะ" เขาเอ่ยทำลายความเงียบ เพราะเห็นหล่อนจ้องๆมองๆเขาหลายครั้ง

"ค่ะ แต่พี่ฉันคออ่อนมาก" พูดไปพลางมองเศษซากมนุษย์ที่กองอยู่กับพื้น เหนื่อยแล้วคราวนี้

"ผมพึ่งกลับมา ที่นี่ดูเปลี่ยนไปเยอะนะครับ"

"หมายถึงร้านเหล้าหรอคะ?"หญิงสาวถามพาซื่อ

เขาหัวเราะแล้วพยักหน้าหงึกๆ "เชิญมาทางนี้กับผมหน่อยได้ไหมครับ"

พิมุกด์ลังเลชั่วครู่ก็ตอบตกลงไป เขาพาหล่อนมาตรงสวนหลังผับ บรรยายเย็นพร้อมกับไฟสีส้มห้อมล้อมด้วยท้องฟ้าสีดำ ทำให้ดูสวย งดงามและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน หญิงสาวเดินห่างจากเขาสองสามก้าว

"มีอะไรหรือเปล่าคะ?"

"คุณมีแฟนหรือยังครับ"

ว่าแล้วต้องมาอีหรอบนี้ เหอะ มอมเหล้าพี่ชายแล้วพาน้องสาวมาเกี้ยว ร้ายกาจจริงๆ

"ฉันว่าเราควรกลับเข้าไปข้างในได้แล้วค่ะ"

"คุณยังไม่ตอบคำถามผม"

พิมุกด์สูดลมหายใจลึกๆ หล่อนไม่มีเวลามาสนใจผู้ชายที่ไหนหรอกนะ ต่อให้หล่อขนาดไหนก็ไม่มีทางมาทำลายกำแพงใจของหล่อนได้ เพราะหล่อนเคยสัญญากับตัวเองหลังจากเหตุการณ์นั้นไว้ว่า จะไม่แต่งงาน ไม่สนใจผู้ชายคนไหนอีกตลอดชีวิต!

"ฉันไม่สนใจคุณหรอกนะคะ ไม่ต้องพยายามจีบ รู้ค่ะว่าสวยแต่หักห้ามใจหน่อย ฉันเป็นน้องสาวเพื่อนคุณนะ"

เขายิ้มบางๆ สายตาไม่อาจคาดเดาได้ "ครับ"

"ฮะ?" เข้าใจง่ายดีแฮะ ง่ายจนแปลก แต่ช่างมันเถอะ หล่อนขี้เกียจจะสาวความต่อ

พิมุกด์หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่แล้วร่างบางนั้นก็หยุดชะงัก หมุนกลับมาอย่างรวดเร็วเพราะแรงดึงจากฝ่ามือใหญ่ ร่างเล็กพลิกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอกกว้างที่รอรับอยู่แล้ว ยังไม่ทันที่จะได้สติดี ริมฝีปากบางของหล่อนก็ถูกบดคลึงอย่างรวดเร็ว ราวกับโลกพินาจ ฟ้าผ่า ภูเขาไฟระเบิด พิมุกด์ช็อคไปสามวิ จนเมื่อดึงสติมาได้ก็ผลักเขาออก ง้างมือเตรียมจะตบเต็มแรงเกิด คำรามในใจ

แกตายแน่ ไอ้หน้าหล่อ!

"ผมชอบพี่ชายคุณ"

!!!!

ราวกับฟ้าผ่ามารอบสอง

นี่มันอะไรกันวะ!




แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว