“จากวันนี้จะมีเรา เราและนาย จดจำไว้ตลอดไป ไม่ทิ้งกัน...”

 

เป็นเวลาช่วงเย็นของวันหนึ่ง ทั้งที่เวลาก็ล่วงเลยมาจวนจะหนึ่งทุ่ม แต่ยังคงรับรู้ได้ถึงความร้อนของสภาพอากาศกลางเดือนสิงหาคม ซึ่ง

อาจเป็นเพราะอะไรก็ตาม แต่เดือนนี้นี่มันยังร้อนอยู่อีกหรือ?

จากที่ได้เห็นเนื้อเพลงเมื่อสักครู่นั้น พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก เสียงเพลงข้างต้นนั้น คือเพลงที่เป็นเพลงเปิดของเรื่องนี้ เป็นเพลงฮิตตลอดกาลของพี่เสก เสียงนี้ดังอู้อี้ลอดออกมาผ่านหูฟังอินเอียร์ของเด็กมัธยมปลายผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ในวันนี้ เลยต้องหาเพลงที่โปรดปรานมาช่วยดับอารมณ์ที่ไม่ดีของเขา เมื่อมีเพลงก็สามารถไปอีกโลกหนึ่งได้โดยที่ไม่ต้องใส่ใจสิ่งรอบข้าง แม้กระทั่งบนรถไฟฟ้ากลางเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างเร่งรีบกับช่วงเวลาเลิกงาน แต่ก็ยังคงหมกมุ่นกับการก้มกดมือถือที่มีปุ่มเยอะแยะมากมายราวกับคีบอร์ดคอม

ตรงกันข้ามกับชายผู้ที่จะเป็นผู้ดำเนินเรื่องในตอนนี้ เขาหลับตาลงซึมซับความสุนทรีย์ของดนตรี เขาเป็นคนที่มักจะได้รับความสนใจเสมอไม่ว่าจะไปที่ใด เขาไม่ใช่นักร้องนักแสดงวัยใสในทีวี

ซีรีย์ชื่อดังหรือนักกีฬาทีมชาติ หากแต่เป็นเพราะสีผมสีฟ้าเจิดจรัสที่สว่างจนต้องถามหาร้านที่ทำสีผมนี้ให้กับเขา

 

 

 

ถ้าเขาไปเดินแถบญี่ปุ่นเจ้าแห่งแฟชั่นหรือฝั่งยุโรป เขาคงไม่เป็นที่จับตามองขนาดนี้ แต่ที่นี่ประเทศไทย ซ้ำเขายังเป็นแค่นักเรียนมัธยม โรงเรียนที่ใดกันนะที่ยอมให้เขาทำสีผม? นี่คือความคิดของผู้คนส่วนใหญ่เมื่อได้เห็นเขา มันเป็นเช่นนี้เสมอ แต่ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าถามแม้แต่คนเดียว

 

“จากวันนี้จะมีเรา เราและนาย จดจำไว้ตลอดไป ไม่ทิ้งกัน”

 

ครั้งนี้หาใช่เสียงจากหูฟังไม่ แต่มันคือเสียงริงโทนที่ดังออกมาจากลำโพงในกระเป๋ากางเกง ซึ่งเรียกความสนใจจากคนรอบๆได้เป็นอย่างดี บ้างก็กระซิบกระซาบว่าไม่มีมารยาท บ้างก็นินทาถึงความเก่าคร่ำครึของริงโทนกันสนุกปาก

เมื่อรับรู้ได้ถึงเสียงและแรงสั่นของมือถือ เขาก็ล้วงมันออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วสีน้ำตาลอ่อนเข้าหากัน ลมหายใจถูกพ่นออกมาเล็กน้อย เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีนักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่งกำลังมองเขาอย่างไม่วางตา เขาจึงเป็นมองกลับไปเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่เพียงแค่วินาทีแรกที่สายตาทั้งสองประสานกัน เด็กชายคนนั้นก็รีบลุกจากที่นั่งและเบียดหายไปในฝูงชนเสียแล้ว จากที่มีเสียงกระซิบตามลมที่ลอยมาให้รำคาญหู ตอนนี้กลับมีแต่ความเงียบที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่ขยับตัว

ดวงตาสีเทาเข้มที่แสนจะดุดันหรี่มองด้วยความไม่เข้าใจและกลับมาสนใจมือถือที่ยังคงส่งเสียงเรียกให้กดรับเสียที เขามองเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นโชว์อย่างพินิจก่อนจะเพิกตากว้างและยืนตัวตรงสุดความสูง 182 ของเขาด้วยความเคยชินเมื่อต้องสนทนากับบุคคลที่โทรมาในตอนนี้ ไม่ว่าจะต้องคุยต่อหน้าหรือไม่ เขาก็รู้สึกเกร็งทุกครั้ง

และถ้านี่คือฉากในหนังสือการ์ตูน คุณจะสังเกตได้ว่าน่าจะมีเหงื่อไหลซิกๆตามใบหน้าของเขาเกือบครึ่งลิตรเห็นจะได้  แต่เขาไม่มีทางเลือก จึงเลื่อนหน้าจอรับสายนี้

“ฮัลโหล...”

..........................................................................................................................................................................................................................................................

-จบไปแล้วในช่วงบทนำนะคะ เรื่องนี้ใช้เวลาร่างและเรียบเรียงมาตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนปลาย จนในปัจจุบันก็ทำงานมาเป็นปีที่2แล้ว แต่เหมือนยังมีอะไรค้างคา จึงต้องมาลง แก้ไข จัดเรียงให้จบเรื่องค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ-

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว