จบ [Fic Hannibal]Hors'oeuvre
0
ตอน
2.45K
เข้าชม
43
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
21
เพิ่มลงคลัง

Title: Hors'oeuvre  
Author: โทเม 
Category: Comedy 
Pairing: Dr Lecter / Will 
Rating : PG15 
Spoilers: Hannibal NBC 
Disclaimer: ฟิคเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละครมาจากซีรี่ย์คุณหมอฮันนิบาล 
Author note: ชื่อเรื่องเขียนด้วยภาษาฝรั่งเศสอ่านว่าออร์เดิร์ฟกั๊บ
Summary: วันหนึ่งของคุณหมอกับอาการไข้หวัด เชิญพบกับฟิคเนื้อเรื่องกุบกิบน่ารักชวนประทับเครื่องใน ( ? )


""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

 


...38 องศาเซลเซียส เพียงพอที่จะทำให้ลมหายใจอุ่นขึ้น อาการไข้เกิดจากปฏิกิริยาของอินเตอร์ริวคินวัน ประกอบกับความชื้นในโพรงจมูกที่เพิ่มขึ้น บ่งบอกว่าขณะนี้ร่างกาย...กำลังติดเชื้อไวรัส

ด็อกเตอร์ฮันนิบาล เลคเตอร์ พาร่างสูงสง่าของตน นั่งลงบนเก้าอี้หนังตัวโปรดซึ่งสั่งซื้อมาจากเยอรมัน แล้วเริ่มหวนพินิจถึงสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับเชื้อ ทว่าในยามที่ฤดูหนาวย่างกรายและแสงแดดโรยแรงเช่นนี้ ผู้คนในเมืองต่างแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วผ่านลมหายใจ การพูดคุย การจามโดยไร้เครื่องป้องกัน อีกหนึ่งคือการยกมือป้องชั่วครู่ แล้วใช้มือนั้นเข้าสัมผัสสิ่งของสาธารณะต่างๆ ทำให้เกิดการแพร่พันธุ์โดยไม่รู้จบ


เมื่อวันก่อนมิสเตอร์คอร์ทนีย์ เทย์เลอร์ซึ่งป่วยเป็นโรค Major depression disorder ได้ทำทุกอย่างที่สามารถส่งต่อเชื้อไวรัสให้แก่เขา ด้วยการเดินเข้ามาฟูมฟายใกล้ๆหลังจากจามโดยใช้มือเปล่าป้อง จากนั้นก็มาจับโดนตัวเขา ซึ่งจะต้องทำงานต่อเนื่องอีกสามชั่วโมงกว่าจะพักเบรกเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ 

ช่วงนี้เขาทำงานหนักขึ้นเล็กน้อย เพราะต้องช่วยด็อกเตอร์เนเลนา ฟอร์ทัน เพื่อนสมัยเรียนวิทยาลัยแพทย์ เธอกำลังทำวิจัยเรื่องอารมณ์กับความเร็วของระบบเมตาบอลิซึ่ม ซึ่งสันนิษฐานถึงผู้ที่มีกระบวนการเผาผลาญในร่างกายสูง มักจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เร็ว ด็อกเตอร์เลคเตอร์ว่ามันน่าสนใจ จึงเพลิดเพลินกับการหาข้อมูลจนการพักผ่อนยามค่ำลดลง และนั่นก็ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงด้วยตามลำดับ 

สาเหตุที่แท้จริงคงมาจากตัวเขาเอง ที่ประมาทในการใช้ชีวิตและเชื้อไวรัสเกินไป ทั้งที่อีกสามวันจะถึงวันชมการแสดงละครเวทีเรื่อง Every Man in His Humour รอบปฐมทัศน์ซึ่งเฝ้ารอมาทั้งเดือน โดยบัตรที่นั่งแถวเจ็ดอันเหมาะสมแก่การนั่งชมที่สุดนั้น เขาได้รับมากจากมิสเตอร์เคิร์ท แชปมัน ผู้ออกแบบฉากและชุดของคณะซึ่งรู้จักจากการเจอกันบ่อยครั้งในงานแสดง และผ่านการแนะนำของมิสซิสโอลิน คลิบป์อดีตผู้ป่วยของเขา 

จากวัฏจักรของไวรัส คาดการณ์ว่าวันชมการแสดง น่าจะเป็นวันที่ร่างกายถูกระบบภูมิคุ้มกันกระตุ้นให้ไข้ขึ้นสูงที่สุด และแพร่เชื้อต่อไปยังผู้อื่นได้มากที่สุดเช่นกัน บางทีนอกจากพาราเซตตามอนลดไข้ เขาควรจะเสี่ยงทานแอนตี้ฮีสตามีนลดสารคัดหลั่งสักเม็ด ไม่เช่นนั้นอรรถรสของการชมละครคงลดหายไปกว่าครึ่ง หากเขาหูอื้อและน้ำมูกไหลโดยพร้อมเพรียงกัน ปัญหาคือยาแก้แพ้พวกนั้นมักทำให้เขาง่วงทุกทีแม้จะเลือกใช้ตัวที่ใครๆก็บอกว่าไม่ง่วงก็ตาม 

ยามนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น ด็อกเตอร์เลคเตอร์จึงเห็นสมควรแก่เวลาในการโทรแจ้งเลื่อนนัดเหล่าคนไข้ที่มารอคิวรักษา มันคงดูไม่ดีนักหากแพทย์จะมานั่งจามต่อหน้าผู้ป่วย เขาหยิบสมุดนัดหมายขึ้นมาลากปาดนิ้วดูลิสต์รายชื่อเทียบกับเวลาว่าง รอบดวงตาเริ่มอุ่นร้อนขึ้นเพราะพิษไข้ 

เพียงหนึ่งชั่วโมงนายแพทย์หนุ่มก็เลื่อนนัดใหม่ให้กับผู้ป่วยมากมายสำเร็จ เขาผ่อนลมหายใจก่อนพยุงตัวให้ลุกยืนเพื่อเตรียมพร้อมกับงานถัดไป นั่นคือการจัดการเช็ควัตถุดิบมากมายที่อยู่ในตู้เย็น

 

แม้ว่าก่อนแพ็คเขาจะตรวจสอบดีแล้วว่าไม่มีสิ่งใดที่ดูสะดุดตา จนสามารถแยกแยะออกว่ามันเป็นเนื้ออะไรด้วยตาเปล่า แต่เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีใครหวังดีมาเปิดตู้เย็นทำอาหารให้กิน ยามเขาเป็นลมล้มพับลุกจากเตียงไม่ได้ เขาจึงควรตรวจความเรียบร้อยอีกที 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูอย่างสุภาพดังขึ้น จังหวะและน้ำหนักมือในการเคาะประตูของแต่ละคนต่างเป็นเอกลักษณ์ และเจ้าของเสียงที่เนิบช้าแต่หนักแน่นนี้เป็นใครไม่ได้นอกจากวิลล์ เกรแฮม ด็อกเตอร์เลคเตอร์เดินไปหยิบบางสิ่งจากลิ้นชักก่อนจะตรงไปเปิดประตู 

“สวัสดีวิลล์ เชิญเข้ามาก่อนสิ” 

เจ้าของบ้านออกมากล่าวต้อนรับอย่างสุภาพ ทว่าชายหนุ่มผู้มาเยือนกลับเอาแต่จดจ้องหน้ากากอนามัยสีขาวที่ปิดบังใบหน้าของนายแพทย์ไว้ ทำให้คนสูงกว่ากล่าวขึ้นอีกครั้ง 

“มันค่อนข้างน่าอาย แต่ดูเหมือนผมจะเริ่มเป็นหวัดนิดหน่อย ถึงอย่างนั้นผมว่ามันจะดีกว่าหากเริ่มป้องกันไว้ก่อนที่คุณจะมาติดหวัดอีกคน” 

“อ่า...ขอบคุณ” 

เจ้าหน้าที่สอบสวนพิเศษของเอฟบีไอกล่าวโดยก้มหน้าหันมองไปทางอื่น ตามนิสัยที่ไม่ชอบสบตาใคร เพราะความอิดโรยทำให้รอยยิ้มของวิลล์เบ่งบานไม่เต็มที่ เมื่อร่างนั้นก้าวผ่านเข้ามาในห้องทำงานที่ดูราวกับห้องสมุดย่อมๆ นายแพทย์จึงถามขึ้น 

“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอวิลล์ ?” 

“ก็ไม่เชิง...” 

ผู้มาเยือนถอนหายใจแรงราวกับเสียงลมหายใจของกวางมูซ

 

"...จริงๆ ผมรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำเพราะศพพวกนั้นไร้หัว แต่ว่านะ...” 

“คดี mannequin ที่คุณกำลังทำอยู่น่ะเหรอครับ ช่วยเล่าให้ผมฟังได้ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” 

ชายเจ้าของบ้านถามขณะผายมือเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลงยังเก้าอี้ของคนไข้ ส่วนเขาก็กลับไปนั่งลงยังเก้าอี้ประจำตัว

 

..............................



คดีฆาตกรรมหุ่นโชว์ลองเสื้อนั้นเป็นอีกหนึ่งคดีที่ด็อกเตอร์เลคเตอร์ได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไม่ได้คาดหมาย ประมาณเมื่อเย็นวานขณะที่นายแพทย์หนุ่มกำลังกลับจากการซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปราวยี่สิบไมล์ เพียงเพราะต้องการพริกไทยดำจากอินเดียซึ่งมีความเผ็ดและความหอมเป็นพิเศษ แต่ในละเเวกนี้มีเพียงที่นี่ที่นำเข้ามัน บังเอิญว่าใกล้กันนั้นท่ามกลางรถตำรวจที่เข้าปิดล้อมบ้านหลังหนึ่ง วิลล์ เกรแฮมกำลังเดินออกมาจากรั้วซึ่งทำจากเทปสีเหลืองที่เขียนบอกว่าพื้นที่ตำรวจห้ามเข้า 

มันเป็นช่วงเวลาแค่ครู่เดียว ทว่าดวงตาที่เฉียบคมของนายแพทย์ที่ยืนอยู่ ก็ทันเห็นภาพช่วงที่ประตูเปิดค้าง ในนั้นมีศพที่เปลือยเปล่า ไม่มีศีรษะ ไร้ซึ่งแขนขา เสียบ ตั้งอยู่บนท่อนเหล็กเรียงรายต่อกัน ทั้งหมดต่างประดับด้วยเศษเนื้อและเครื่องในของมนุษย์ ดูคล้ายกับหุ่นโชว์ที่กำลังใส่ชุดสีแดงสดสไตล์ใหม่อยู่

ดวงตาของวิลล์เบิกกว้างอย่างแปลกใจที่ได้พบกับด็อกเตอร์เลคเตอร์ตรงสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งจัดว่าค่อนข้างไกลจากบ้านพักของเจ้าตัวโข แต่ถุงที่มีตราของซุปเปอร์มาร์เก็ตห้าดาวนั่นกล่าวแทนคนที่พิถีพิถันในการเฟ้นหาวัตถุดิบเพื่อปรุงอาหารได้เป็นอย่างดี นายแพทย์หนุ่มไม่รีรอเลยที่จะชวนทั้งวิลล์ เกรแฮมและแจ็ค ครอฟอร์ดไปร่วมทานอาหารค่ำกับเขาในคืนถัดไป ด้วยรอยยิ้มที่สุภาพและเป็นมิตรที่สุดเท่าที่เจ้าตัวจะเสกสรรปั้นแต่งได้

..............................

 

"รอบอกผมสี่สิบนิ้วครับมิสเตอร์เกรแฮม ส่วนเอว...ไม่ครับ นั่นส่วนสะโพก คุณต้องวัดเอวตรงส่วนที่ขอดสุดตรงนี้”

เห็นได้ชัดจากนิสัยการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลวมๆ เหมาโหลที่ออกจะเชยและไร้ความสง่าใดๆของวิลล์ ซึ่ง คนแบบนี้ไม่มีทางรู้หรอกว่าตำแหน่งการวัดไซส์มันอยู่ตรงไหน และกางเกงที่ดีควรจะใส่ตรงเอวไม่ใช่ปล่อยหลวมให้ขอบไปเกาะอยู่ตรงสะโพกจนเข้าใจผิดว่านั่นเป็นรอบเอว เจ้าตัวคงรู้แค่ว่าตัวไหนใส่ได้และใส่ไม่ได้เท่านั้น 

ชายตรงหน้าเม้มปากแน่นราวกับเป็นฝาหอย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ ช้อนตามองเหนือกรอบแว่นสีดำวูบหนึ่งก่อนจะยอมถอนมือออกไปพร้อมกับกดสายวัดเก็บเข้าตลับ ปล่อยจิตแพทย์อีกคนให้ยืนอยู่กับความงงงวยและรอยยิ้มขำที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าปิดปาก 

“ช่วยบอกผมทีได้ไหมว่าคุณจะเอาไซส์ผมไปทำอะไร ไม่อย่างนั้นผมคงต้องโทรเรียก 911 แจ้งว่าคุณบุกเข้ามาคุกคามทางเพศผมด้วยสายวัดนั่น” 

ผู้ชายผมกระเซิง หน้าตาประดับด้วยหนวดเคราหลอมแหลมที่ว่าดูรุงรังแล้ว ยังจะปั้นหน้าให้ยุ่งเข้าไปอีก แววคาดคั้นที่อยู่ในเนื้อเสียงที่เรียบเรื่อยของร่างสูง ทำให้ปากที่ปิดสนิทของวิลล์ยอมพูดขึ้นมาบ้าง 

“ฆาตกรหุ่นโชว์นั่นคัดแต่คนหุ่นดีๆ...ผมว่าศพพวกนั้นมีหุ่นที่ใกล้เคียงกับคุณอยู่ แต่ไม่แน่ใจเลยอยากลองวัดดู...” 

“แล้วใช่ไหมครับ ?” 

คู่สนทนาของเขาพยักหน้ารับแรงแทนคำตอบ

 

"...มันออกจะแปลกสักหน่อย แต่ช่วงนี้ผมอยากให้คุณระวังตัว ถ้าเป็นไปได้หากคุณจะไปไหนช่วยบอกผม ผมจะไปกับคุณด้วย” 

คนฟังหลุดขำพรืดออกมา แต่เพราะรู้ตัวว่ามันดูไม่สุภาพจึงแสล้งไอกลบเกลื่อน 

“ตกลงวิลล์ เอาเป็นว่าผมจะระวังตัวมากขึ้น” 

“แล้วตกลงคุณป่วยอยู่ใช่ไหม ? ถ้ายังไงช่วงนี้ให้ผมค้างที่นี่ช่วยดูแลคุณดีไหม ?” 

“ไม่เอาน่าวิลล์ ผมเป็นหวัดแค่นิดเดียว มันแทบไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนด้วยซ้ำ อีกอย่างหนึ่งผมก็ไม่อยากให้คุณต้องมาติดหวัดผม” 

ด็อกเตอร์เลคเตอร์ปฏิเสธอย่างสุภาพตบท้ายด้วยรอยยิ้มที่พาให้ตาหยีปิด ทำให้ผู้ชายตรงหน้าได้แต่พยักหน้ารับและเดินลากขาออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อสิ้นเสียงประตูปิดลง นายแพทย์หนุ่มถึงกับอยากทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ขึ้นมาทันที 

................................................. 


สามวันผ่านไป ดูท่าเชื้อหวัดจะแรงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้โข จึงทำให้ความสามารถในการระวังตัวลดน้อยลง ด็อกเตอร์เลคเตอร์กวาดตามองรอบตัวหลังจากฟื้นขึ้นมาจากการถูกตีศีรษะ ตอนนี้เขากำลังถูกมัดด้วยเชือกให้นอนอยู่บนเตียงเหล็กที่มีสเกลวัดความยาวอยู่ข้างกาย 

ผงกหัวขึ้นมาหน่อยก็พบเจ้าฆาตกรโรคจิตที่ว่ากำลังนั่งหันหลัง ใช้เข็มและกรรไกรตกแต่งลำไส้ซึ่งควักออกมาจากหน้าท้องของผู้หญิงคนหนึ่งให้ เป็นชุดกระโปรงระบายพันรอบตัว บรรจงตัดเยื่อบุหน้าท้องที่ใสราวกระดาษแก้วนั้นให้เป็นรอยหยักราวกับลูกไม้ โดยใช้เครื่องมือช่างฉลุผิวหนังให้เป็นลวดลาย เกิดเลือดซึมผ่านทีละจุดราวกับปักเลื่อมด้วยอัญมณีสีแดง 

เธอคนนั้นยังไม่เสียชีวิต เพียงแต่ค่อยๆ เสียเลือดออกไปจากข้อมือจนเกิดอาการเบลอ ซึ่งอาการนั้นก็กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา 

ชีพจรที่เต้นรัว ความดันที่ลดลง การหายใจที่ถี่เร็ว บ่งบอกว่าเขากำลังเข้าสู่ภาวะช็อคระดับสอง ซึ่งควรจะได้รับสารน้ำทดแทนโดยเร็วสักลิตรถึงลิตรครึ่งก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดจะเลือนหาย นายแพทย์มองสายน้ำเกลือที่แทงเข้าเส้นเลือดแดงตรงข้อมือ ปลายอีกด้านปล่อยลงถังใส่น้ำเบื้องล่าง มีแปรงใหญ่วางเตรียมไว้ข้างๆเตรียมละเลงศิลปะสีเลือดภายในห้อง เขาพลิกข้อมือแล้วหักสายยางนั่นให้งอพับเป็นการหยุดเลือดไม่ให้ไหล 

นี่ถ้าเขามีแรงเท่าเก่าก็คงจะเอาเชือกที่พันตัวอยู่นี่ จัดการรัดคออีกฝ่ายจากด้านหลัง ก่อนจะเอาแท่งเหล็กสตึๆไร้รสนิยมคล้ายกับเก้าอี้ที่ไม่มีเบาะนั่นเข้าไปเสียบก้นมัน ก่อนที่มันจะบังอาจแทงสิ่งที่ว่าเข้ามาในก้นเขา 

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับคุณหมอ ?” 

เสียงของฆาตกรหุ่นโชว์กล่าวถามขณะพาร่างใหญ่เทอะทะน่าเกลียดเข้ามาหา มิสเตอร์เคิร์ท แชปมัน ผู้ส่งบัตรเชิญชวนเขาไปดูละครเวทีในคืนนี้ชะโงกถามด้วยน้ำเสียงปกติ 

“ครับคุณแชปมัน” 

ผู้ที่ถูกจับมัดอยู่ยิ้มตอบอย่างสุภาพ ไม่มีอาการตื่นกลัวใดๆฉายอยู่ในกระจกตา

 

"เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณเชิญผมให้มาดูการสร้างสรรค์งานศิลป์ในคืนนี้” 

“เห คุณหมอสนใจด้วยเหรอครับ ?” 

“คุณก็ทราบว่าผมมีความสนใจในศิลปะทุกแขนง” 

“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้คุณหมอได้อยู่ดู จนกว่าจะถึงเวลาได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะของผม” 

มือนั่นลงลากสำรวจกายเขา จนสูท Loro piana ตัวเก่งเปื้อนเลือดเป็นทางยาว ว่าจบก็หันไปทำงานของตัวเองต่อ รอยยิ้มงามบนใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มเลือนหายเป็นเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึก เยียบเย็นและนิ่งสงบดั่งผิวน้ำของทะเลสาบที่ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆย่างกราย

 

ในห้องวันนี้มีผู้เคราะห์ร้ายที่จะถูกบังคับเข้าไปอยู่ในการแสดงโชว์ที่แสนจะไร้รสนิยมทั้งหมดสี่คน เสร็จแล้วหนึ่ง กำลังทำอีกหนึ่ง รออีกสอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหมอเลคเตอร์คิวสุดท้าย 

เวลาผ่านไปเนิ่นนานท่ามกลางความเย็นจัดของห้องแอร์และกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งขึ้นขนาดเป็นหวัดอยู่ยังได้กลิ่นชัด เขามองร่างที่ดิ้นทุรนทุรายเพราะความเจ็บแล้วได้แต่ถอนหายใจ แต่แล้วจู่ๆมิสเตอร์เคิร์ทก็หยุดมือลงด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่า หันมามองทางนายแพทย์ที่แกล้งปิดตาหยุดหายใจไม่ไหวติงครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าผู้ที่จับมาเสียชีวิตแล้วจากการเสียเลือด จึงรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ด็อกเตอร์เลคเตอร์รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้ามาแทงหัวใจเขาซ้ำ เพราะนั่นมันเป็นการทำลายวัตถุดิบที่อุตส่าห์เฟ้นหาและเตรียมมา 

ไม่นาน ตำรวจกลุ่มใหญ่ในชุดปฏิบัติงานก็เข้ามาในจุดเกิดเหตุ วิลล์ซึ่งเที่ยวตามหาด็อกเตอร์ที่หายไปหลังจากละครเวทีเลิก ก็วิ่งเข้ามาแตะชีพจรของผู้ที่ถูกมัดอยู่กับเตียงด้วยมือที่สั่นเทา คนที่แสร้งหลับตาอยู่ค่อยเปิดเปลือกตาบาง พินิจมองสีหน้าที่ตื่นตระหนกเเละปวดร้าว คล้ายกระจกใสที่ถูกป่นละเอียดกำลังร่วงกราวลงมา นายแพทย์หนุ่มจึงยกยิ้มให้แล้วกล่าวอย่างเเผ่วเบา 

“ผมยังโอเคอยู่วิลล์ ขอบคุณมาก” 

“คุณไม่ต้องพูดอะไรตอนนี้ เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องพูดอีกทีตอนหลัง” 

วิลล์ชักสีหน้ากึ่งร้องไห้ให้เครียดขรึม ก่อนหันหน้าหนีตะโกนออกไปยังด้านนอก เรียกให้บุรุษพยาบาลรีบเข้ามารับคนเจ็บ ด็อกเตอร์เลคเตอร์ปิดตาผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก ที่เห็นว่าตนได้รับน้ำเกลือทดแทนอาการสูญเสียเลือดเสียที เขาไม่ถนัดเลยกับสมองที่ใช้งานไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซนต์แบบนี้

..............................

ผ่านเหตุการณ์วันนั้นได้สองวัน จิตแพทย์หนุ่มก็หายหวัดเป็นปลิดทิ้ง และออกจากโรงพยาบาลในทันทีโดยอ้างว่าติดดูแลคนไข้อยู่ แต่กว่าวิลล์จะรู้ตัวว่าเขาขอออกจากโรงพยาบาลก็ปาไปเช้าอีกวันหนึ่ง แต่จากเหตุการณ์วันนั้นก็ปาเข้าไปเดือนหนึ่ง ตำรวจยังคงจับฆาตกรหุ่นโชว์ที่หลบหนีไปไม่ได้ 

“จนกว่าจะจับหมอนั่นได้ ผมจะยังคงค้างอยู่ที่นี่แหละ” 

เจ้าหน้าที่พิเศษกล่าวอย่างหนักแน่น จนคุณหมอเจ้าของบ้านได้แต่ส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เห็นทีว่าอีกฝ่ายคงจะได้นอนค้างที่บ้านหลังนี้ตลอดชีวิต ในเมื่อฆาตกรหุ่นโชว์ที่ว่านอนเล่นอยู่ในกล่องไม้ที่ห้องใต้ดินของบ้านหลังนี้ 

ด็อกเตอร์เลคเตอร์ไม่เข้าใจ ว่าทำไมตำรวจสืบสวนของที่นี่ถึงติดตามตัวคนร้ายได้ช้านัก ทั้งที่เขาใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็จับเจ้าห่านอ้วนตัวนั้นได้แล้ว จากนั้นเขาก็เตรียมกล่องสวยๆ ใช้เข็มสอดเข้าไปตรงช่องไขสันหลังตรงด้านท้ายทอย ตัดเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตเสีย ก่อนผ่าตัดทำท่อให้อาหารทางสายยางผ่านกระเพาะไปโดยตรง เพื่อให้อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันร่วมกับให้อินซุลินหนึ่งยูนิทต่อชั่วโมงผสมเข้ากับน้ำตาลเด็คโทสวอเตอร์ห้าเปอร์เซ็นต์ทางสายน้ำเกลือ เร่งปฏิกิริยาสะสมไขมันที่ตับให้พอกพูนหนานุ่ม ช่างเป็นการผสมผสานศาสตร์และศิลป์ของการเตรียมวัตถุดิบปรุงอาหารและการแพทย์ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว 

...การได้เป็นส่วนหนึ่งของศิลปะ มันน่ายินดีจะตายไป จริงไหม ?... 

“งั้นมื้อเย็นนี้ผมจะทำ Foie Gras แล้วกัน กินอะไรที่มันอ้วนเพิ่มรอบเอวให้ได้เร็วๆ คุณจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าผมจะถูกจับตัวไปตอนไหน”

“ไม่ได้นะ ห้ามเด็ดขาด !”


วิลล์ร้องห้ามขึ้นอย่างลืมตัวทันทีราวกับมีใครมาเหยียบเท้า เเละชะงักไปเมื่อโดนนายเเพทย์หยุดยืนมอง ครู่หนึ่งเลยที่ร่างสูงจะพูดต่อ 

“คุณเป็นห่วงอะไรอยู่ ห่าน ผม หรือหุ่นผม ?” 

“ค...คือ....” 

“หรือคุณอยากจะลองทานอย่างอื่น รีเควสผมได้นะ” 

คุณหมอเลิกคิ้วยิ้มยั่วถามอย่างเนิบช้า นิ้วเรียวปลดคลายกระดุมเม็ดบนออกเผยให้เห็นไหปลาร้าชัด จังหวะมันดูจะเซ็กซ์ซี่ฟีโรโมนลงตัวไปนิดจนคนตรงหน้าได้แต่อ้าปากค้าง หน้าเเดงเป็นปลาเผาผัดพริก ที่ถูกตะไคร้หอมยัดปากอยู่จนส่งเสียงพูดออกมาไม่ได้ มื้อเย็นส่งแขกกลับบ้านวันนี้ก็อร่อยกันไป 

นี่ขนาดใช้เวลาแค่สามสิบวันเองยังรสชาติเยี่ยมขนาดนี้...แล้ววัตถุดิบเช่นคุณที่ผมพิถีพิถันเตรียมไว้เสียดิบดี จะอร่อยลิ้นแค่ไหนเชียวนะ ? วิลล์ ...

 

 

........................

end

โทเมค่า ,,U w U ) ฟิคนี้เกิดจากการเป็นติ่งคุณหมอค่ะ พอคุณแมดส์มาเล่นปุ้ป ตายไปเลยค่ะ 55555 ถึงอย่างนั้นก็พยายามคีปสำนวนการแต่งให้ได้บรรยากาศของหนังสือมากที่สุด ถ้าชอบก็ยินดีมากค่า

ถ้าชอบ กดดาวให้กำลังใจสักจึ๊กนะคะ ขอบคุณค่า

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว