จนตรอก

 

ล. วิลิศมาหรา

 

ตื่นขึ้นมาเกือบบ่ายสอง พิชัยหอบสังขารผอมโซเพราะหมู่นี้ซดแต่เหล้าเป็นหลักข้าวปลาไม่ค่อยได้แตะ ลุกขึ้นมาอาบน้ำให้สดชื่น เสร็จแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวหาชงกาแฟแก่ ๆ ดื่ม ตามด้วยยาแก้ปวดหัวอีกสองเม็ด เมื่อคืนเขาเมาหนักกว่าทุกวัน เพราะเพื่อนเก่าที่จากกันไปนานหิ้วเหล้ามาหาถึงบ้าน ฉลองอิสรภาพที่มันเผลอเดินไปสะดุดตอเข้าจนเสียหลักกระเด็นเข้าไปอยู่ในซังเตเสียหลายปี

สองสหายนั่งดื่มจนดึก ผลัดกันเล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา โม้บ้างจริงบ้างสู่กันฟัง จนเวลาล่วงเลยเกือบตีสี่เพื่อนเก่าถึงลากลับ ก่อนกลับบอกฝากเอาไว้ว่าค่ำ ๆ วันนี้จะมาหาใหม่อีกทีพร้อมกับข่าวดี พิชัยเออออไปแกน ๆ สมัยก่อนข่าวดีของไอ้เพื่อนคนนี้ไม่เคยดีจริงสักครั้ง

ในบ้านเงียบสนิท บังอรเมียเขาคงออกไปทำงานแล้วตั้งแต่เช้า ท้องร้องจ๊อก ๆ รู้สึกหิวขึ้นมาติดหมัด เขาล้วงหาแบงค์ร้อยใบสุดท้ายในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ถอดพาดพนักเก้าอี้มุมห้องเอาไว้ก็พบว่ายังอยู่ กะแต่งตัวเสร็จจะออกไปหาซื้อข้าวกับเกาเหลาเลือดหมูกินให้หายหิว เดินผ่านโต๊ะกินข้าว เห็นบิลค่าน้ำค่าไฟกับใบประเมินค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง พาหนะใช้รับซื้อของเก่าที่ส่งมาจากร้านซ่อมรถวางอยู่บนโต๊ะ บังอรคงวางทิ้งเอาไว้ให้ดู ช่างมันก่อน ตอนนี้เขายังไม่มีเงินไปเอา

ครั้นแล้วพิชัยต้องถอนใจยาว นี่เพราะขาดเครื่องมือหากินเขาเลยต้องออกเดินหิ้วถุงดำใส่ขยะ ตระเวนเก็บขวดพลาสติกกับพวกขวดแก้วตามถังขยะข้างทาง และตามโรงงานใกล้ ๆ แถวนี้แทนมาหลายวันแล้ว พอหามาขายได้วันละร้อยสองร้อยบาท ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในที่สุด พิชัยต้องวนกลับมาประกอบอาชีพนี้อีกในวัยล่วงเลยมาแล้วเกือบค่อนชีวิต

เมื่อวานตอนเย็นเจ๊เจ้าของห้องเช่ามาทวงค่าเช่า บังอรออกไปรับหน้าขอผัดผ่อนไปอีกเดือน ยายเจ๊ร่างอ้วนกำชับเอาไว้ว่าให้เดือนนี้อีกเดือนเดียว ไม่งั้นเชิญขนของย้ายออกไปได้ ก่อนสะบัดก้นใหญ่เหมือนช้างน้ำเดินจากไป วันนี้บังอรเลยต้องออกไปหาเพื่อนเพื่อของานทำทั้ง ๆ ที่ป่วยด้วยโรคไตอักเสบอยู่

เพื่อนคนที่มาหาเขาเมื่อคืนนี้ชื่อโอมเป็นซี้เก่า เคยสนิทกันมาตั้งแต่ตอนเรียนช่างอิเลคโทรนิคที่วิทยาลัยเทคนิคในตัวจังหวัด ทั้งพิชัยและโอมต่างมาจากอำเภอรอบนอก ยากจน และ“ไม่เอาถ่าน” อย่างที่ครูชบา ครูสอนวิชาภาษาไทยและครูประจำชั้นของพิชัย สมัยเรียนมัธยมต้นที่บ้านเกิดเคยชี้หน้าว่าเอาไว้ เมื่อตอนเขาตีหน้ามึนไม่ยอมเข้าเรียนในวิชาที่ครูสอน และวิชาครูท่านอื่นอีกสองสามคนจนติด มอ. สอ. หรือหมดสิทธิ์สอบเพราะเวลาเรียนไม่พอ เดือดร้อนครูชบาต้องหาทางให้เขาได้สอบจนผ่าน แถมยังหิ้วตัวเขาตามไปขอร้องอาจารย์ท่านอื่น ๆ ให้ช่วยอีกด้วย

“นึกว่าเห็นแก่อนาคตเด็กมันเถอะค่ะ อาจารย์ มันหัวดีนะแต่ขี้เกียจไปหน่อย เดี๋ยวดิฉันจะเอาตัวไปอบรมสั่งสอนต่อเอง”

ยอมรับว่าสมัยนั้นพิชัยและเด็กคนอื่น ๆ ในชั้นโคตรเกลียดครูชบาเลย ค่าที่แกเป็นครูผู้หญิงหน้าตาเคร่งขรึมแต่งตัวเชย ๆ และเป็นคนดุ ด่าเก่ง ชอบตวาดนักเรียนเสียงดัง ชอบหยิก บางทีก็เอามะเหงกเขกหัวพิชัยโป๊ก ๆ เวลาเขาแอบดูหนังสือการ์ตูนใต้โต๊ะ ไม่สนใจฟังเวลาแกสอน เขาและเพื่อน ๆ มักล้อครูว่าเป็น“สาวแก่ทึนทึก”ไม่มีใครเอาเลยอารมณ์เสีย เพราะขณะนั้นแกอายุเกือบสี่สิบปีแล้วแต่ยังครองตัวเป็นโสด หลักประกันความดุของครูสาวแก่จอมเ_ฮยบก็คือ เวลาทะเลาะกันเพื่อนมันยังขู่ว่า

“เดี๋ยวกูไปฟ้องครูชบา” เท่านี้ก็พากันกลัวหัวหด ด้วยครูแกด่าจริงฟาดจริง

บ้านตึกสองชั้นของครูชบากับบ้านก่ออิฐบล็อกเปลือยไม่ได้ฉาบปูนหลังเล็ก ๆ มีแค่ห้องเดียว ที่เขาอาศัยอยู่กันสองคนกับแม่อยู่ห่างกันประมาณสักห้าร้อยเมตร แม่ซึ่งมีอาชีพเก็บขยะขายมักเข้าไปเอาหนังสือพิมพ์เก่า ขวดพลาสติก ขวดแก้ว และกระดาษกับหนังสือเก่าที่บ้านครูบ่อยๆ แกให้มาฟรี ๆ บางวันยังแถมของกินกับพวกส้มสุกลูกไม้ให้แม่ติดมือกลับบ้านอีกด้วย

“หาเนื้อหาไข่บำรุงสมองมันหน่อย ลูกพี่เอียดหัวดีนะ พยายามส่งมันเรียนสูง ๆ ต่อไปจะได้พึ่งพามัน”

เคยได้ยินแกบอกแม่แบบนี้ ไอ้เรื่องหัวดีนี่คงเป็นเพราะพิชัยคิดเลขเก่ง โจทย์เลขที่ว่ายาก เพื่อน ๆ ทำไม่ได้แต่เขามักทำได้ เสียแต่ขี้เกียจไม่ค่อยชอบทำการบ้าน แม่ฟังแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ หันมามองลูกชายคนเดียวอย่างมีความหวัง

“ให้มันเรียนต่อสายอาชีพทางช่างอิเลคนี่แหละดีแล้ว พิชัยมันเก่งคำนวณ หัวมันไว อีกอย่างมันชอบไปทางงานฝีมือ ค่าทงค่าเทอมถ้าหาไม่ทันก็บอก ฉันจะช่วย แต่มันต้องรักเรียนจริง ๆ นะ ถ้ารู้ว่าเกเรเมื่อไหร่ฉันเลิกช่วยทันที”

ตัดเรื่องพูดเสียงดังกับชอบหยิกออกครูแกเป็นคนใจดีทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ชอบที่แกดุ แต่พอได้ยินครูชบาพูดขอร้องครูท่านอื่น ๆ ให้ช่วยเหลือในตอนนั้น พิชัยก็เริ่มชอบใจครูขึ้นมาหน่อย

“อายุเธอตอนนี้ เปรียบเหมือนคนอยู่ในห้องแคบ ๆ ไม่มีหน้าต่างมีแต่ประตู”

หลังจากแก้ มอ. สอ. ได้ครบทุกวิชา ครูชบาก็เรียกเขามานั่งอบรมชุดใหญ่ ครูเคยเปรียบเปรยบอกเขาเอาไว้แบบนี้

“ห้องนี้มีน้ำและอาหารจำกัด ถ้าเธออยู่คนเดียวอาหารและน้ำก็หมดช้าหน่อย”

ครูสาวแก่มองลอดแว่นสายตาหนา ๆ ส่งสายตาดุ ๆ มาหาเขาที่นั่งตัวลีบฟังอยู่ตรงหน้า

“แต่อีกหน่อยพอเธอโตขึ้นได้แต่งงาน มีลูกหลานออกมายั้วเยี้ยช่วยกันกินช่วยกันใช้ น้ำและอาหารอีกไม่นานก็คงหมด เธอจะอยู่ในห้องแคบ ๆ นี้ต่อไปได้ยังไง จะปีนป่ายกำแพงห้องรึก็สูงสุดสายตา ประตูทำด้วยเหล็ก เครื่องมืองัดแงะก็ไม่มี แต่เธอจำเป็นต้องออกไปหาอาหารกับน้ำข้างนอกมากินมาใช้ ไม่งั้นก็อดตาย”

จำได้ว่าตอนนั้นทำเอาหูทวนลม ที่ทนนั่งฟังเพราะอยากให้ครูช่วยแก้ มอ. สอ. ให้ จะได้เรียนจบ ๆ มอสามไปซะทีมากกว่าจะสนใจฟัง

“ฉันมีลูกกุญแจแต่ละประตูให้เธอไขออกไปได้ง่าย ๆ ความรู้และวุฒิการศึกษาคือกุญแจที่ฉันมี ฉันยินดีจะมอบให้เธอทีละดอก ขอเพียงเธอตั้งใจอ่านเขียนเล่าเรียนให้จบ เธอจะเอาหรือไม่เอา”

ยามนั้นเด็กชายพิชัยก็แค่มองครูตาแป๋ว สิ่งที่ครูสอนเหมือนสายลมพัด ผ่านเข้าหูซ้ายแล้วเลยทะลุออกหูขวา แอบแย้งครูในใจว่า ถ้ามันเป็นแค่ลูกกุญแจจริง ๆ แย่งครูมาเสียก็สิ้นเรื่อง คิดคำนึงมาถึงตรงนี้ พิชัยก็ต้องหลับตาลงอย่างเสียใจ ภาพครูยืนถือลูกกุญแจยื่นให้เลือนรางอยู่ในจิตสำนึก
...ซึ่งเมื่อรู้สึกตัวจะไขว่คว้าเอาก็สายเสียแล้ว ร่างนั้นหายวับไปกับตา

ต่อเมื่อถูลู่ถูกังจนจบมอ.สามและได้เข้าเรียนต่อสายช่างของวิทยาลัยเทคนิคในตัวเมือง พิชัยจึงย้ายมาอยู่หอพักใกล้วิทยาลัย แน่นอน ทุนทรัพย์ที่ทำให้เขาได้เข้ามาเรียนต่อที่นี่ส่วนหนึ่งมาจากครูชบา ณ ที่แห่งนี้พิชัยได้พบกับโอมซึ่งความจริงมีบ้านอยู่ในอำเภอที่ไม่ไกลที่เรียนมากนัก ไม่น่าถึงขนาดต้องเช่าหออยู่ แต่พอพ่อมันพาผู้หญิงคนใหม่เข้าบ้านหลังแม่มันตายไม่ทันข้ามปี ไอ้โอมก็เนรเทศตัวเองออกมาอยู่หอทันที

แต่ความที่ขัดสนเงินทองเหมือนกัน โอมนั้นหยิ่งไม่อยากง้อขอเงินพ่อ ส่วนพิชัยก็สงสารแม่ไม่อยากรบกวนให้ส่งเงินมาบ่อย ๆ เด็กทั้งคู่จึงต้องหาลำไพ่พิเศษทำหลังเลิกเรียน แต่งานที่ได้เงินดี ๆ ใช่ว่าจะมีให้ทำง่าย ๆ ถ้าไม่มีเส้นสาย แน่นอน งานที่สองคนได้นี้ต้องมีรุ่นพี่คอยช่วยเหลือ

เด็กหนุ่มต่างมีลูกพี่คนละคน ลูกพี่ของโอม“ส่งของ”ส่วนลูกพี่พิชัยออกแนวบู๊ รับจ้างคุมร้านเหล้า ทั้งสองถูกลูกพี่ชมว่าฉลาด ขยัน โดยเฉพาะพิชัยที่ลูกพี่ชื่อเอกสอนให้รู้จักปืน ได้ฝึกยิงปืนแถมยังยิงแม่น พี่เอกกับเพื่อนฝูงชมเปาะและให้พิชัยเป็นลูกน้องคนสนิท เด็กหนุ่มอนาคตช่างอิเลคโทรนิกเลยเริ่มรู้สึกชอบปืนมาตั้งแต่บัดนั้น ทีนี้สองหนุ่มก็พอมีเงินจับจ่ายเที่ยวเตร่จีบสาว โอมขี่รถส่งลูกพี่ตระเวนส่งของ ส่วนพิชัยตามคอยคุ้มกันพี่เอก

ชีวิตบางทีก็เหมือนนิยายน้ำเน่า แต่ชีวิตของพิชัยกับโอมเน่ายิ่งกว่า อุตส่าห์ตะเกียกตะกายหาช่องทางร่ำเรียนเพื่อมีวิชาติดตัวเอาไปทำมาหากิน จนเหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบอยู่แล้ว แต่โอมก็มาเกิดเรื่องขึ้นจนได้

“เอ็งทำไร” วันหนึ่งพิชัยเห็นโอมซุกของบางอย่างไว้ใต้เบาะแมงกะไซค์แต่งซิ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่ามันคือ“ของ” โอมหันมามองยักคิ้วยียวน ยิ้มที่มุมปากนิด ๆ อย่างเท่

“รออยู่นี่เดี๋ยวกูมา กูไปหาค่าห้องแป๊ป”

“เฮ้ย ระวังตัวหน่อย หมู่นี้แมร่ง หัวปิงปองชุม”

พิชัยเตือนเพื่อนซี้อย่างเป็นห่วง เด็กหนุ่มไกลบ้านไม่ค่อยเห็นด้วยกับงานแบบนี้เท่าไหร่ ครูชบาเคยสอนว่า

“จะเกเรยังไงก็อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไฟไหม้โจรปล้นยังไง ๆ ก็ยังเหลือที่ดิน ยังมีที่ซุกหัวนอน แต่ถ้าเธอติดยาเธอจะต้องขายทุกอย่างแม้แต่ชีวิตเธอเองเพื่อมัน”

ฟังคำสอนข้อนี้ของครูแล้วรู้สึกขนหัวลุก เขาแน่ใจว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเด็ดขาด เพราะมีภาพจำติดตาของพ่อที่ติดเหล้า แล้วเวลาเมาพ่อเหมือนคนบ้า เปลี่ยนจากพ่อที่แสนใจดีไม่ค่อยพูดกลายเป็นคนเอะอะอาละวาด ที่เกลียดที่สุดก็คือเวลาเมาพ่อชอบทุบตีแม่ เด็กชายพิชัยสงสารแม่แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ตัวสั่น ซุกหน้าลงระหว่างเข่า เอามือสองข้างปิดหู แต่กระนั้นก็ยังได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของแม่ทุกครั้งที่มีเสียงของหนัก ๆ กระแทกลงบนร่างแม่ เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เขายังตัวเล็ก ๆ จนเข้าวัยรุ่น กระทั่งพ่อตายไปเพราะโรคตับแข็งเมื่อตอนลูกชายอายุสิบสาม ตอนพ่อตายพิชัยไม่ร้องไห้เลยสักแอะ

วันนั้นโอมขี่รถออกไปแล้วหายไปนาน มารู้อีกทีว่ามันโดนสายตำรวจล่อซื้อซึ่งในที่สุดก็ถูกจับ เพื่อนของพิชัยติดคุกอยู่นานเกือบยี่สิบปีพึ่งได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อไม่นานนี้

ส่วนชะตาชีวิตเขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเพื่อนซี้ หลังโอมติดคุกไม่นานพี่เอกก็เกิดเรื่อง วัยรุ่นสองกลุ่มเข้าตะลุมบอนกัน เสียงปืนระเบิดขึ้นหนึ่งนัด หนึ่งในคู่อริล้มลงสิ้นใจและปืนสั้นไทยประดิษฐ์กระบอกนั้นอยู่ในมือของพิชัย เขาไม่ยอมมอบตัว ตัดสินใจหนีการจับกุมของตำรวจ และด้วยการช่วยเหลือของพี่เอกพิชัยหนีข้ามไปอยู่ฝั่งประเทศเขมร ซัดเซพเนจรไปเรื่อย ๆ ตามขอบชายแดน หากินกับอาชีพคุมบ่อนคาสิโนนานหลายปี เริ่มจากการเป็นลูกน้องก่อนแล้วค่อย ๆ ขยับขึ้นเป็นลูกพี่

ระหว่างเดินไปหาซื้อข้าวกิน พิชัยนึกถึงช่วงชีวิตเมื่อตอนทำงานอยู่ในบ่อน ผู้คนที่มาหาความสำราญจากการเสี่ยงโชคในบ่อนคาสิโนมีทุกระดับ ตั้งแต่แม่ค้าในตลาดสดหาเช้ากินค่ำไปจนถึงขับรถราคาแพง ๆ ข้ามฟากมาเล่น เคยเห็นป้าแก่ ๆ คนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องน้ำ อ้อนวอนขอค่ารถกลับบ้านจากคนใจดีที่มาเที่ยวเพราะเล่นจนหมดตัว บางทียังมีผู้หญิงสวย ๆ มากับผู้ชายแก่ท่าทางร่ำรวย ทั้งคู่ขับวอลโว่มาเล่นคาบาร่า สักพักผู้ชายก็ทิ้งผู้หญิงไว้พร้อมรถที่เสียพนัน ข้ามกลับมาฝั่งไทยเพื่อเอาเงินกลับไปแก้ตัว

นักร้องสาวของบ่อนที่ชื่อบังอรคือความชุ่มชื่นเพียงอย่างเดียวที่คอยชโลมจิตใจให้ชายหนุ่มผู้ละจากบ้านมาไกล ทิ้งความฝันจะเป็นช่างอิเลคโทรนิก ทิ้งแม่และครูชบาเอาไว้เบื้องหลัง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิชัยยังคิดถึงแม่ เป็นห่วงและอยากพบหน้าแม่อีกสักครั้ง เขาไม่ได้ติดต่อกับแม่อีกเลย จนแม้ได้อยู่กินกับบังอร ซึ่งเธอก็เหลือตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเหมือนกันและมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน แม่ก็ไม่เคยรู้

พิชัยตัดสินใจเปลี่ยนงานอีกครั้งเพื่อดึงบังอรให้ออกจากวังวนงานขายบริการที่มีอาชีพร้องเพลงบังหน้า เขาใช้ความสามารถยิงปืนเม่นเข้าสังกัดซุ้มมือปืน ซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นมือปืนรับจ้างเต็มตัว อดทนทำงานเสี่ยงอันตรายและลำบากจากการต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ฝั่งโน้นยี่สิบกว่าปี รอจนคดีฆ่าคนตายหมดอายุลง พิชัยซึ่งขณะนี้อยู่ในวัยกลางคนจึงพาบังอรกับลูกสาวอายุเจ็ดขวบหวนกลับมาบ้าน มาหาแม่

แต่ไม่มีบ้านหลังน้อยหลังนั้นอีกต่อไปแล้ว แม่เอาบ้านไปจำนองเพื่อส่งเงินมาให้เขาเรียนหนังสือ เมื่อเขาหนีหายไปแม่ก็หมดแรงกายแรงใจทำมาหากิน ซ้ำยังล้มป่วยด้วยโรคหอบหืด บ้านถูกยึดเพราะหลุดจำนอง แม่ต้องเข้าไปขออาศัยปลูกกระต๊อบอยู่บนที่ดินของวัด ทำงานเป็นแม่ครัวและคอยทำความสะอาดให้วัดแลกข้าววัดกินไปวัน ๆ

ทันทีที่เจอหน้าแม่ พิชัยตรงเข้าไปกราบแม่ที่ตัก แม่เห็นลูกชายก็สะดุ้ง ร้องไห้น้ำตาไหลพรากลงอาบใบหน้าซีดเซียว สองมือเหี่ยวย่นยื่นมาลูบหน้าลูบตาลูกชายคนเดียว ไม่มีคำต่อว่าออกจากปากแม่แม้แต่คำเดียว แม่แก่ลงไปมากหูตาไม่ค่อยดี เล่าให้ลูกชายฟังว่าโชคดีที่ยังมีครูชบาคอยช่วยเหลือดูแล แม่จึงไม่ถึงกับลำบาก พิชัยซาบซึ้งในพระคุณของครูชบา แต่ตอนนั้นศิษย์ไม่เอาถ่านไม่กล้าไปกราบเท้าท่าน

ชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงหางานสุจริตทำพร้อมบังอร ทิ้งลูกสาววัยเจ็ดปีให้อยู่คอยดูแลย่าและเข้าโรงเรียนที่บ้านเกิด แต่วุฒิการศึกษาแค่มัธยมสามหนำซ้ำยังมีประวัติด่างพร้อย งานดี ๆ ที่ไหนจะมีให้ทำ ที่สุดสองคนผัวเมียก็ติดค้างอยู่ในเมืองใหญ่ ในห้องเช่าเก่าโทรม พิชัยต้องหันกลับมารับงานผิดกฎหมายอีกครั้งเพราะอยากมีเงินกลับไปเยี่ยมแม่กับลูกสาว

ครั้งนั้นมือปืนหนุ่มรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้เพราะประสบการณ์และโชคช่วย เผอิญงานนั้นอยู่ในพื้นที่ก่อการร้ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจึงหลงประเด็น แต่เขารู้ดี โชคใช่ว่าจะมีทุกครั้ง พิชัยเริ่มเป็นกังวล เขานึกห่วงแม่ ห่วงบังอรกับลูกสาวตัวเล็ก ถ้าเขาเกิดเป็นอะไรไปทุกคนก็หมดที่พึ่ง พิชัยตัดสินใจเลิกอาชีพเสี่ยงคุก

เงินที่ได้จากงานสีเทาก้อนนั้นทำให้เขากลับไปเยี่ยมแม่ได้อีกครั้ง และแบ่งเงินไปหาซื้อรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมาคันหนึ่งไว้รับซื้อของเก่า ซึ่งทำให้พอมีรายได้ พิชัยเก็บเจ้าเครื่องมือหากินอีกชนิดซ่อนไว้มิดชิด ไม่คิดนำมันมาใช้อีก

แต่เงินที่มีอยู่ก็หมดลงในเวลาอันรวดเร็วจากการเจ็บป่วยของบังอรที่ป่วยด้วยโรคไตอักเสบเรื้อรังจนต้องเข้ารับการฟอกไตบ่อย ๆ บังอรต้องฟอกไตเดือนละครั้ง ถึงแม้จะได้รับสิทธิจากบัตรทองแต่ก็มีค่าเดินทาง ค่าหัตถการบางชนิดที่ต้องจ่ายเงินเอง ในขณะที่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเจ้ากรรมก็ดันมาเสียเอาตอนที่เขาไม่มีเงินติดตัวอีกเลย

หลายเรื่องรุมเร้าทำให้พิชัยกลุ้มหนัก สามสี่วันมานี้เขาหันหน้าเข้าหาเหล้า เมาหัวราน้ำทุกวัน บังอรเห็นสภาพผัวก็ได้แต่ถอนใจ วันนี้ทั้งบ้านเหลือเงินแค่สองร้อยบาทแบ่งกันกับบังอรคนละร้อย บังอรโทรของานจากเพื่อน เมื่อได้งานก็รีบขึ้นรถเมล์ไปหาเพื่อนทันที

เมื่อกินข้าวเสร็จพิชัยก็กลับมานั่งรอทั้งบังอรและโอมอยู่ในห้องเช่า เกือบถึงเย็นโทรศัพท์จากบังอรจึงดังขึ้น

“อยู่ต่อคืนนี้อีกคืนนะพี่”

“ยังปวดเอวอยู่หรือเปล่า”

ถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง บังอรมีอาการอ่อนเพลียและปวดบั้นเอวมาหลายวันแล้ว เธออ้อนวอนขอออกไปทำงานนี้อีกครั้งเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่กำลังเผชิญอยู่

“ก็ยังปวดอยู่ แต่ทำไงได้ แขกเยอรมันขออยู่ต่ออีกคืน มิ้นต์มันเกรงใจพี่แอมที่หางานให้เลยยอมอยู่ต่อ แต่ขอให้จ่ายเพิ่ม”

“ไปกันกี่คน”

“สามคนกับอีอ้อม อีมิ้นต์” พิชัยถอนใจยาวใส่โทรศัพท์ ก่อนบอกเมีย

“ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ไม่ไหวก็อย่าทน ได้เงินน้อยหน่อยช่างมันเหอะ ทางนี้พี่ก็มีงานแล้ว อยู่ถึงแค่คืนนี้พอนะแล้วกลับบ้านเลย”

ปลายสายรับคำแล้ววางหูไป พิชัยกัดกรามกรอด ขว้างมือถือทิ้งระบายอารมณ์  นี่ถ้าเขามีงานดี ๆ ทำ มีเงิน บังอรคงไม่ต้องออกไปทำงานแบบนี้อีก พิชัยอยากให้บังอรเลิกอาชีพนี้เด็ดขาดเสียที ชายหนุ่มเอามือขยุ้มผมตัวเองแล้วจับกระชากแรง ๆ อย่างต้องการให้รู้สึกเจ็บ ก่อนทุบกำปั้นใส่กำแพงซ้ำ ๆ หลายครั้งจนหลังมือปริแตก....น้ำตาลูกผู้ชายไหลซึม

เกือบค่ำไอ้โอมถึงมาหา มันหิ้วเหล้ามาพร้อมกับแกล้มอีกตามเคย หลังเปิดขวดซดเหล้าไปเกือบครึ่งแบน ไอ้โอมก็เล่าให้ฟังถึงงานที่รับมา

“งานหมู ๆ” โอมเริ่มต้นอย่างทุกครั้ง ซึ่งก็เหมือนเดิม คือไม่เคยหมูจริง

“ผัวขี้โลภจ้างฆ่าเมียเพราะอยากได้สมบัติ กับเงินประกันชีวิตคงหลายอยู่มั้ง”โอมเล่าเรื่องเหยื่อให้ฟัง

“ค่าจ้างเท่าไหร่”

“แสนนึง มัดจำล่วงหน้าห้าหมื่น งานเสร็จค่อยรับที่เหลือ”

“เอ็งจะเอาเท่าไหร่”

“ให้กูหมื่นเดียวพอ งานเสร็จก็แล้วแต่จะให้ แกจะรับงานนี้ไหม”

พิชัยนิ่งเงียบ โอมเห็นทีท่าแบบนั้นของเพื่อนซี้ก็ถามอย่างให้แน่ใจ

“ตกลงเอ็งจะรับงานนี้ใช่ไหม”

โอมถามซ้ำเมื่อเห็นมือปืนหนุ่มยังเงียบ พิชัยเหลือบตามองธนบัตรปึกนั้น ค่าฟอกไตบังอร ค่าเลี้ยงดูลูกกับแม่ ค่าเช่าห้อง คาซ่อมมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างซึ่งเป็นเครื่องมือหากินสุจริตล้วนอยู่ในนั้น ใบหน้าคล้ำแดดนิ่งเฉยเย็นชาราวใส่หน้ากาก เขาตวัดสายตาไปที่รูปผู้หญิงสูงอายุใบนั้น

ใบหน้าอูม ๆ มีรอยเหี่ยวย่นตามวัยเป็นปกติของหญิงชราทั่วไป เว้นแต่ดวงตาดุภายใต้กรอบแว่นหนา ๆ คู่นั้นที่เขาจำได้ไม่เคยลืม มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้เวลาจะผ่านเนิ่นนานกว่าสามสิบปี...ครูชบา

พิชัยนั่งเฉยอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบ เก้า มอ.มอ. คู่ใจที่ห่อผ้าไว้อย่างดีคลี่ออกเช็ดทำความสะอาด คงได้เวลาเอามันออกมาใช้อีกครั้งหนึ่งแล้วจริง ๆ  มือกร้านยังคงเช็ดถูเจ้าเครื่องมือหากินสีดำมะเมื่อมอยู่ไปมาก่อนตอบ เสียงกระด้างว่า

“กูรับ แต่ขอเวลากูอีกหนึ่งอาทิตย์”

ตัดสินใจรับปากเพื่อนขี้คุก ชายหนุ่มยอมแพ้แก่ชะตาชีวิตที่กำหนดให้เขาต้องทำอาชีพมือปืน เขาบอกแผนการที่วางเอาไว้ให้โอมฟัง นี่เป็นหนทางเดียวสำหรับคนไร้ทางไปอย่างเขา

แดดบ่ายสาดแสงแรงกล้า ร้อนจนเหงื่อกาฬไหลโทรมตัว สองร่างซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ชายป่าละเมาะห่างจากสวนยางพาราที่เป็นจุดนัดหมายไม่ไกลนัก รถมอเตอร์ไซค์พาหนะที่จะใช้หลบหนีถูกซ่อนไว้ลับตาคนไม่ไกลตัว

แว่วเสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์อีกคันแล่นมาตามถนนลูกรังสายเปลี่ยว โอมกับพิชัยเส้นเอ็นขึ้นโปนบนหน้าผากด้วยความเครียด เก้า มอ. มอ. ในมือพิชัยเปียกชื้นจากเหงื่อในมือ

เสียงมอเตอร์ไซค์แผดดังแล่นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีจนถึงจุดที่ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ พิชัยเล็งปลายกระบอกปืนไปที่ร่างของคนบนรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น

“ปัง”

แม่นเหมือนจับวาง ร่างผู้ชายที่เป็นคนขับกระเด็นตกจากรถตามแรงกระสุน เลือดไหลทะลักออกมาจากบริเวณหน้าผาก มอเตอร์ไซค์เสียหลักล้มคว่ำลงพร้อมเสียงหวีดร้องของผู้หญิงที่นั่งซ้อนท้ายมา

“ไป”

พิชัยสั่งเสียงดุ ทั้งคู่รีบวิ่งไปที่พาหนะคู่กายที่จะใช้พาหนี โอมสตาร์ทเครื่องดังกระหึ่มมีพิชัยกระโดดขึ้นซ้อนท้าย โอมบิดเครื่องรถขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนไปพิชัยเหลียวมองเบื้องหลัง

ผู้หญิงที่ล้มลงกำลังตะกายลุกขึ้นยืน เขาเห็นดวงตาคู่นั้นมองตามมา มันเป็นดวงตาดุ ๆ ที่แฝงแววสะใจ ครูชบาพยักหน้าน้อย ๆ ให้เหมือนเป็นคำขอบคุณ

ชายหนุ่มเบือนหน้ากลับ ภารกิจของมือปืนจบลงแล้วพร้อมเงินสองแสนในกระเป๋าสะพาย สายลมแรงกรูเกรียวปะทะใบหน้า โอมเร่งเครื่องขับมอเตอร์ไซค์พาคู่หูหนีห่างออกไปจากที่นั้นจนไกลลิบ

...เมื่อตอนที่พิชัยตัดสินใจรับงานฆ่าคนอีกครั้งจากครูชบาหลังครูรู้ว่าสามีหนุ่มคิดสังหารตัวเองจากปากของเขา สำนึกสุดท้ายของพิชัยบอกว่า เขาต้องตอบแทนพระคุณครู แม้มันจะเป็นการตอบแทนในแบบของมือปืนรับจ้างอย่างเขาก็ตาม...

ฝนตกห่าใหญ่ช่วยให้คลายร้อน หลังฝนตกใคร ๆ ชอบบอกว่าฟ้ามักสดใส บังอรยังเข้ารับการฟอกไตในโรงพยาบาลทุกเดือน ลูกสาวยังอยู่บ้านนอกกับแม่สามี มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างยังออกตระเวนรับซื้อของเก่า บนกองหนังสือพิมพ์เก่าที่ รับซื้อมามีฉบับหนึ่งพาดหัวข่าวว่า

“จับทีมสังหารสามีครูซีแปดยกแก๊งค์ มือปืนสารภาพลงมือลำพังเพียงคนเดียว สาเหตุเพราะความโกรธแค้นส่วนตัวและขัดแย้งผลประโยชน์ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อสอบเค้นหาคนบงการ”

ความลำบากยังคงทับถมทวีคูณ แต่สำนึกของหญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่อย่างบังอรเตือนให้สู้ต่อไป...บางทีก็ไม่เคยมีฟ้าหลังฝนสำหรับใครบางคน...

 

จบบริบูรณ์

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว