3
ปรวีร์ตัดสินใจบอกลูกสาวไปตามความจริง ตัวเขานั้นถือหุ้นของนริทรกุลกรุ๊ปอยู่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนเพลงพิณถืออยู่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ หากขายส่วนของเขาจนหมดสิ้น ทั้งเขาและลูกจะหมดอำนาจบริหารในมือไปโดยปริยาย
“ทำไมต้องขายคะ” หญิงสาวถามหลังอ่านเอกสารในมือจนถ้วนถี่แล้วเงียบไปอึดใจใหญ่ “เพลงจำได้ว่าพ่อไม่เคยเป็นหนี้ที่ไหน บริษัทเราก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร แล้วทำไมจู่ๆ ถึงจะล้มละลาย”
คนเป็นพ่อหลบตา
หญิงสาวอึ้งไปอีกครั้ง
“พ่อติดการพนันเหรอคะ”
แค่ข้อสัญนิษฐานแรกก็ตรงเผงราวมานั่งกลางใจ
“พ่อเลิกทัน...”
“ทันเหรอคะ ต้องขายหุ้นไปพันกว่าล้านเนี่ย” เสียงของลูกสาวขุ่นเคืองด้วยความโกรธ พอเดาได้ว่าใครเป็นคนชักจูงบิดาตนเองไปยังทางที่ผิด มีคนไม่มากที่มีอิทธิพลเหนือปรวีร์ “แล้วยังไงคะ ต้องขายบ้านด้วยไหม ต้องขายสวนด้วยไหม ต้องขายลูกสาวตัวเองด้วยรึเปล่า”
“เพลง!”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเพดาน พยายามกลั้นน้ำตาอย่างเหนื่อยอ่อน ปรวีร์เห็นอาการนั้นของลูกก็ได้แต่สงสาร เพราะเขาเป็นคนผิดเองทุกอย่าง
ป่านนี้บรรพบุรุษทั้งหลายคงดิ้นพล่านอยู่ในหลุม
“หุ้นของลูกยังอยู่ แต่พ่อไม่อยากให้ลูกกระโตกกระตากไปในตอนนี้” เขาว่าเสียงเครียดขรึม “กลับไปทำงานของลูกในระหว่างที่พ่อฟ้องหย่าแม่ดา พอจัดการอะไรเรียบร้อยเราค่อยมานั่งคุยกันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อไป”
ดาราภรณ์เป็นแม่เลี้ยงของเธอ มีลูกติดหนึ่งคนชื่อเรวดี ซึ่งแม้จะมีอายุไล่เลี่ยพอกับเธอ แต่กลับไม่เอาถ่าน เชิ่ดหรูเป็นเซเลบโฉบไปโฉบมาและมีข่าวคาวเรื่องผู้ชายแว่วมาให้คนในครอบครัวได้ยินเป็นระยะ หลังจากแต่งงานใหม่มาสิบปี ปรวีร์คงจะเพิ่งคิดได้ว่าเขาเลือกเมียที่สองผิดไป
หลังจากหาข้อสรุปหรือคาดคั้นบิดาไม่ได้อีก หญิงสาวก็ออกจากห้องสมุดด้วยใจอันหนักอึ้ง สอมงแล่นเร็วจี๋เพื่อหาทางออกอื่นที่ทำให้สูญเสียน้อยกว่า บ้านหลังนี้คุณตายกที่ดินให้พ่อกับแม่เธอปลูกบ้านอยู่ บริษัทที่เป็นมรดกตกทอดก็ฝ่าฝันมามากกว่าจะเติบโตยิ่งใหญ่
กระนั้น เธอยังมืดแปดด้าน นึกไม่ออกเลยว่าคนที่ซื้อหุ้นไปจะเป็นคนแบบไหน
พอพ้นหัวมุมทางเดิน ร่างสะโอดสะองในชุดบิกินี่สีแดงเพลิงก็ปรากฏต่อสายตา ดาราภรณ์ในวัยสี่สิบกว่าปีไม่คิดจะปกปิดเรือนร่างของตนแม้แต่น้อย เจ้าหล่อนเดินนวยนาดเข้ามาราวรออยู่นานแล้วกวาดตามองเธอหัวจรดเท้า
“ไม่คิดว่าจะได้เห็นคุณหนูเพลงพิณเวลานี้ บริษัทไม่ว่าเอาเหรอคะที่โดดงาน”
แม้ถามอย่างสุภาพ แต่จีบปากจีบคอเต็มที่จนคนฟังอดขนลุกไม่ได้ เธอปั้นยิ้มเย็นรับ
“ไม่หรอกค่ะ เจ้านายฉันใจดี พักนิดพักหน่อยแค่นี้เขายอมอยู่แล้ว”
คนฟังตาลุกวาวด้วยรู้ว่าเจ้านายหนุ่มของเพลงพิณมีดีแค่ไหน ใครเล่าจะไม่อยากได้ไฮโซหนุ่มที่เนื้อหอมที่สุดในเวลานี้ แม้เขาจะเย็นชาและแทบไม่ออกงานสังคม แต่มีเสียงลือเสียงเล่าถึงความหนุ่มแน่นและลีลาอันเด็ดดวง
แล้วการที่ลูกเลี้ยงกล่าวถึงสรัทกาลอย่างสนิทสนมในลักษณะนี้ ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่า...
“แล้วไป...” หล่อนกัดฟันพูดด้วยความอิจฉา พลันนึกถึงลูกสาวตัวเองที่คงดิ้นกรี๊ดหลังเล่าให้ฟัง “...แล้วมาที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่า”
“มาหาพ่อ จำเป็นต้องมีธุระด้วยเหรอคะ” เพลงพิณถามกลับอย่างเย็นชา จ้องกลับคนที่ทำให้พ่อเธอติดพนันแบบโงหัวไม่ขึ้น ดาราภรณ์ยักไหล่อย่างน่ารังเกียจ แล้วใช้มือดึงสายบิกินี่ของตนเองให้เข้าที่
“งั้นก็แล้วไป”
ว่าจบ ก็เดินส่ายสะโพกตรงไปยังห้องสมุด ไม่สนใจเธออีก
เพลงพิณมองไล่หลังแล้วถอนหายใจยาวออกมา รู้สึกว่าเรื่องของเธอกับสรัทกาลกลายเป็นเรื่องเล็กไปในบันดล
แล้วจะทำยังไงดี บอกเขาไปแล้วเสียด้วยซีว่าขอลาออก ฟาดหัวเขาไปเต็มที่ แถมยังเดินเริ่ดเชิ่ดออกออฟฟิศมาตอนกลางวันแสกๆ อีก!
-----------------------------------
คุณแสนไม่นกแล้วล่ะ ตอนหน้าไปเข้าพระเข้านางกันต่อ! 55555
มีคนถามเรื่องเปิดจองเล่มมา นี่เพิ่งบทที่สามเอง ใจเย็นน้อ ><
ไรท์ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะว่าจะเอายังไง แต่ถ้าคนอยากได้เยอะอาจจะทำ... มั้ง แหะๆ
ปล. เนื่องจากเม้นท์ไหลไวมาก (ยอมใจ รักคนอ่านจังเลย) ถ้าไรท์ตอบแล้วอาจจะโดนดันจนมองไม่เห็น
ดังนั้น ถ้าเป็นคำถาม จะยกมาตอบท้ายตอนแทนนะคะ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้😊😊