ณ คฤหาสน์ วงศ์วิริยะธรรมคุณ
“ทุกคนพร้อมแล้วนะครับ ผมจะได้เปิดพินัยกรรมของคุณณธรรม ที่ท่านได้เขียนขึ้นมาสามเดือนก่อนเสียชีวิต”
ทนายประจำตระกูลนั่งตรงกลางโต๊ะ ขณะที่ฝั่งขวามือนางณฤทัย พี่สาวคนโตพร้อมสามีและบุตรสาวทั้งสองคน ถนัดมาคือนางณฤดี พี่สาวคนรองพร้อมสามีและบุตรชายกับบุตรสาว ส่วนด้านซ้ายมือ นางปียาพร บันลือไพศาล ภรรยาพร้อมด้วยสามีและบุตรสาวทั้งสองคน ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของทนายบันลือคือณฤทธิ์ วงค์วิริยะธรรมคุณ เบเกอร์ บุตรชายนอกสมรสกับหญิงชาวต่างชาติ
“ถ้าทุกคนพร้อมแล้วผมก็ขออ่านพินัยกรรมที่คุณณธรรมได้ทำไว้นะครับ......” ทนายความประจำตระกูลกวาดสายตาไปรอบโต๊ะประชุมภายใน คฤหาสน์ วงศ์วิริยะธรรมคุณ อีกครั้ง
ทนายบันลือได้อ่านทรัพย์สินหรือมรดกที่ผู้เสียชีวิตแยกไว้เป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแปลงต่าง ๆ และบ้านพักตากอากาศหลายหลังทั้งที่เชียงใหม่ หัวหิน และ เขาใหญ่ ตลอดจนพันธะบัตร ทองคำ และเครื่องเพชรที่ได้รับตกทอดมากจากบรรพบุรุษ ทุกคนไม่ได้มีข้อโต้แย้งใด ๆ กับทรัพย์สินที่ตนพึงจะได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางภรรยาและลูกของผู้ตายก็ได้รับการแบ่งสันปันส่วนทรัพย์สินต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ทว่าสิ่งที่ทุกคนรออย่างใจจดใจจ่อคือเรื่องหุ้นของธรรมคุณ คอร์เปอร์เรชั่น และบริษัทในเครืออีกหลายบริษัทต่างหาก เพราะนี่คือท่อน้ำเลี้ยงของทุกคน ที่จะหล่อเลี้ยงหลายชีวิตให้มีกินมีใช้อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต
“เป็นที่ทราบกันดีว่าตระกูลวิริยะธรรมคุณได้ถือหุ้นของ ธรรมคุณ คอร์เปอร์เรชั่น หกสิบเปอร์เซ็นต์ อีกสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้นก็เป็นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งในจำนวนหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์นั้น คุณณธรรม ถือครองมากที่สุดคือสามสิบเปอร์เซนต์.....” ทนายเงยหน้าขึ้นมาสบตาทุกคนเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะบุรุษที่ตรงอยู่ฝั่งตรงกันข้าม“ ซึ่งหุ้นทั้งหมดสามสิบเปอร์เซนต์ของคุณณธรรมนั้นจะตกเป็นของ คือณฤทธิ์ วงค์วิริยะธรรมคุณ เบคเกอร์ โดยคุณณฤทธิ์ต้องถือครองหุ้นสามสิบเปอร์เซนต์นี้ไว้อย่างเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี ถึงจะสามารถโอนหรือขายได้....”
“ห๊ะ... อะไรนะ”
เสียงร้องขัดขึ้นกลางปล้องของพลดนัย อย่างไม่เก็บอาการ ก่อนที่จะได้รับแววตาตำหนิจากผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่ติดกับทนายความ ในขณะเดียวกันภรรยายของผู้เสียชีวิตกลับมีเสียหน้าเรียบเฉย ราวกับรับรู้ล่วงหน้า ซึ่งไม่มีอะไรผิดแผกไปจากที่ตนคิดไว้
“ผมขออนุญาตอ่านพินัยกรรมให้จบก่อนนะครับคุณพลดนัย ถ้ามีประเด็นอะไรที่ทุกคนสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติม ค่อยว่ากันทีหลังนะครับ”
“ตาดล ฟังคุณบันลือให้จบก่อน” เสียงปรามเบาๆ ของผู้เป็นมารดา ทำให้อาการร้อนรนของพลดนัยคลายลง ทว่าไม่สงบ
“ต่อเลยนะครับ นอกจากหุ้นสามสิบเปอร์เซนต์ที่คุณณฤทธิ์จะได้รับแล้ว คุณณฤทธิ์ยังมีสิทธิ์เป็นผู้อนุมัติหรือเห็นชอบงานหรือโครงการต่าง ๆ ในฐานะประธานบริษัท ธรรมคุณ คอร์เปอร์เรชั่น คนต่อไป”
“ครับ ทุกท่านมีข้อสงสัยหรือจะซักถามเพิ่มเติมไหมครับ”
“อะ ผม” เสียงแหลมเล็กของผู้เป็นป้าขัดขึ้นมาก่อนที่พลดนัยจะทันได้พูดจบประโยค
“ฉันไม่มีข้อสงสัยอะไรหรอกค่ะ มันเป็นสิทธิ์ของน้องฉันนี่ ว่าจะให้ จะแบ่งปันอะไรให้ใคร...ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่เป็นมรดกตกทอดมาจากคุณปู่ฉันหรือหุ้นบริษัทที่ต้นตระกูลร่วมกันสร้างขึ้นมา” นางณฤทัย เอ่ยขึ้น ด้วยเสียงทรงอำนาจและสายตายที่ถือดี ที่ทุกคนได้ยินและได้เห็น เหมือนเป็นเรื่องปกติที่ชอบออกคำสั่งกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เป็นสามีอย่างนายบรรพต
“คุณป้า......”
“ไม่ต้องพูดอะไรตาดล ไป... พวกเรา ให้ทนายเขาคุยกับประธานบริษัทคนใหม่ของธรรมคุณ คอร์เปอร์เรชั่น หรือเธอมีข้อสงสัยอะไร... แม่ปียาพร เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายณธรรมนี่ จะสงสัยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ส่วนฉันและแม่ฤดีเป็นเพียงแค่คนนอก สงสัยไปก็เท่านั้น” นางฤหทัยเน้นคำว่าตามกฎหมายอย่างจงใจกระทบชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ให้สะกิดใจคนที่นั่งหน้าเรียบเฉยภายใต้กรอบแว่นตาสีน้ำตาลเข้ม ที่ฟังภาษาไทยออกทุกคำ โดยหวังว่าจะเห็นแสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกมาบ้าง แต่ก็ได้แค่หวังเท่านั้น
“ไม่มีหรอกค่ะ พี่ฤทัย ถ้าพี่ณธรรมว่ายังไง ผู้เป็นภรรยาตรีตราอย่างพรก็ต้องเห็นพ้องตามอยู่แล้วล่ะค่ะ” ผู้พูดเสียงราบเรียบ จนจับไม่ได้ว่ามีการประชดประชันอยู่ในน้ำเสียงอ่อนหวานนั่นหรือไม่
“ถ้าไม่มีอะไร ผมก็จะได้จัดการตามกฎหมายเรื่องเอกสารต่าง ๆ ต่อไป ยังไงผมขอคุยกับคุณณฤทธิ์เป็นการส่วนตัวสักครู่นะครับ”
“เชิญค่ะ อ่ะ...... ทุกคนแยกย้ายได้ เรื่องอื่น ๆ ทนายใหญ่เขาคงจะจัดการแหละ พวกเราเป็นคนนอกแล้วตอนนี้”
ทุกคนจึงลุกขึ้นพร้อมกันด้วยสีหน้าและกริยาที่หลากหลาย ทั้งบึ้งตึง หวั่นไหว เย้ยยัน และ หวาดระแวง
ณฤทัยอดไม่ได้ที่จะประชดประชันในการกระทำของผู้เป็นน้องชายคนเดียวของตระกูล ซึ่งถึงแม้จะเป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน แต่ก็มีอำนาจล้นบ้านในการจัดการบริหารทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไปหลายปี เพราะเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลที่สืบเชื้อสายวงค์วิริยะธรรมคุณ เพียงคนเดียว นี่ก็ไม่ได้เกินคาด ลูกชายเพียงคนเดียวของน้องชายผู้ล่วงลับก็ได้สิทธิ์ครอบครองธุรกิจของตระกูลอีกครั้ง ไม่ยุติธรรมเลย!