ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อแมทเทียสขบเม้มที่ยอดอกของฉันเบาๆ อย่างหยอกเย้า จนฉันต้องเม้มริมฝีปากและทุบไปที่บ่าแกร่งของเขาแรงๆ หนึ่งทีพร้อมกับรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองรอนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อสบเข้ากับสายตาคมวาววับของแมทเทียส
“แผลฉันไม่เป็นไร ได้ยาดีแบบนี้คงหายเร็ว” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหูจนหัวใจของฉันเต้นรัวเร็วขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“จะบ้ารึไง นายยังไม่ได้ดื่มเลือดฉันเลยนะ…”
“แค่นี้ก็น่าจะพอ”
มือใหญ่บีบเค้นและสะกิดยอดอกทั้งสองข้างของฉันไปมาอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง และฉันก็รีบจับบ่ากว้างของแมทเทียสและดันให้เขาออกห่างเล้กน้อยด้วยความรวดเร็ว
“มะ…ไม่ได้นะ นายอย่าทำแบบนี้สิ ตอนนี้นายต้องพักผ่อน…อื้อ!”
ฉันยังพูดกับแมทเทียสไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ เขาก็โน้มลงมาประกบริมฝีปากกับฉันโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว พร้อมกับสอดแทรกลิ้นเปียกชื้นเข้ามาตวัดลิ้นเล็กของฉันไปมาจนฉันได้แต่ครางอยู่ในลำคออย่างควบคุมไม่ได้
พรึบ!
“กินเธอก่อน แล้วค่อยพักก็ได้น่า”
“นายนี่มัน…อ๊ะ”
แมทเทียสถอดกางเกงของฉันออกและเขาก็ยืดตัวขึ้นแล้วถอนกางเกงยีนส์ของตัวเองออกด้วยความรวดเร็ว ตอนนี้จึงทำให้เราทั้งสองคนเปลื่อยเปลาไม่ต่างกัน
ฉันมองสบสายตาดุดันของแมทเทียส แล้วเหลือบสายตาลงไปมองที่ผ้าพันแผลของเขาและยกมือขึ้นไปลูบไล้มันอย่างแผ่วเบาด้วยความเป็นห่วงทันที
“ฉันไม่เจ็บหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะเฮเลน่า”
เสียงทุ้มเข้มแหบพร่าดังอยู่ข้างใบหู แล้วแมทเทียสก็จับมือของฉันข้างที่กำลังลูบไล้ที่ผ้าพันแผลของเขาเอาไว้ ฉันส่งยิ้มบางไปให้แมทเทียสที่ยังคงมองสบสายตากับฉันไม่ห่าง
“ถึงนายจะบอกแบบนั้น แต่นายก็น่าจะรู้ว่ายังไงฉันก็เป็นห่วงนายอยู่ดี”
“ฉันจะไม่มีวันตายเฮเลน่า และฉันจะไม่มีวันให้เธอเป็นอันตรายเด็ดขาด”
มือใหญ่ลูบไล้ที่ผิวแก้มของฉันอย่างแผ่วเบาพร้อมกับแมทเทียสที่ส่งยิ้มบางมาให้ฉันอย่างอ่อนโยนจนฉันต้องยกแขนทั้งสองข้างโอบกอดรอบลำคอแกร่งแล้วดึงให้เขาโน้มลงมารับรสจูบจากฉันด้วยความนุ่มนวล
ครั้งนี้ฉันเป็นคนจูบแมทเทียสก่อน และโอบกอดเขาเอาไว้เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปทันทีที่ฉันคล้ายอ้อมแขนทั้งสองข้างของตัวเองออกจากร่างกายสูงใหญ่ของเขา…
“ฉันรักนาย…แมท”
“ฉันรู้ ฉันก็รักเธอ เฮเลน่า”
“อื้อ!”
แมทเทียสจับต้นขาทั้งสองข้างของฉันแยกออก แล้วเขาก็ค่อยๆ ดุนดันแก่นกายใหญ่เข้ามาภายในตัวฉันช้าๆ พร้อมกับขบสันกรามเอาไว้แน่นอย่างควบคุมอารมณ์
“เฮเลน่า…”
“อ๊ะ!”
ฉันสะดุ้งเฮือกและจิกเล็บลงไปที่แผ่นหลังกว้างของแมทเทียสแรงๆ อย่างไม่รู้ตัว และเมื่อมีสติและรับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังกอดเขาเอาไว้แน่นจนเกินไปก็ขยับตัวออกห่างจากแมทเทียสเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะโดนบาดแผลของเขาเข้า
แต่แมทเทียสกลับใช้ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางของฉันแล้วดึงตัวฉันขึ้นจนต้องนี้ฉันกำลังนั่งคร่องอยู่บนตักแกร่งของเขาอยู่โดยช่วงล่างของเราสองคนยังเชื่อมกันอยู่ ให้ตาย น่าอายจนฉันหน้าแดงไปหมดแล้วเนี่ย
“ถ้ากลัวฉันเจ็บ เธอก็ต้องเป็นคนขยับนะ”
แมทเทียสมองหน้าฉันด้วยสายตาคมวาววับอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วมือใหญ่ลูบไล้ที่ผิวแก้มแดงๆ ของฉันไปมาอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง
“มะ…ไม่เอานะแมท คือฉัน อื้อ”
ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นอย่างเขินอาย และไม่กล้ามองลงต่ำมองกว่าช่วงไหล่กว้างของแมทเทียสด้วยซ้ำ แถมแขนฉันทั้งสองข้างก็คล้องรอบลำคอแกร่งของเขาเอาไว้ แล้วรีบโอบกอดแมทเทียสทันทีที่เขามองลงมายังร่างกายของฉัน บ้าชะมัดเลย ฉันยิ่งอายๆ อยู่ เขาจะมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นทำไมกันล่ะเนี่ย!
“หึ อายเหรอ หัวใจเธอเต้นแรงมากเลยนะเฮเลน่า”
“แมท…”
แมทเทียสพูดชิดกับใบหูของฉันจนรู้สึกสยิว และยิ่งฝ่ามือใหญ่กำลังลูบไล้ที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันไปมามันยิ่งทำให้ฉันต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นอย่างทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
“ว่าไง อายเหรอ”
“นายจะมาถามอะไรตอนนี้เนี่ย…อื้อ”
ฉันนั่งนิ่งและกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ทันทีที่แมทเทียสเริ่งขยับแก่นกายใหญ่เข้าออกภายในตัวฉันช้าๆ มือใหญ่อีกข้างก็จับสะโพกของฉันให้ขยับตามจังหวะของเขาที่สวนขึ้นมาจนฉันใจเต้นตึกตักมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก
“หึ ก็แค่อยากรู้”
“อ๊ะ… นาย”
ฉันรีบจับบ่ากว้างของแมทเทียสเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว เมื่อมือใหญ่ทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนมาจับที่เอวบางแล้วบังคับให้ร่างกายของฉันขยับขึ้นลงอยู่บนตักแกร่งของเขาแทน
“ไม่ต้องอายหรอกน่า”
“แมท อย่าแกล้งฉันแบบนี้… อ๊ะ”