ท้องฟ้ามืดครึ้มภายนอกไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกังวลหรือกลัวเท่ากับการที่แมทเทียสออกไปหากิลแบร์เพียงแค่คนเดียว
“ไม่ต้องกังวลหรอกเฮเลน่า“ โมนิก้าเดินเข้ามาบอกฉันที่ยืนเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องนอนของตัวเอง สายตาก็มองออกไปนอกหน้าต่างอีกฝั่งอย่างรอการกลับมาของแมทเทียส ใจฉันร้อนรุ่มไปหมด รู้สึกเป็นห่วงเขามากจนไม่รู้จะทำอะไรแล้วตอนนี้ หงุดหงิดที่ตัวเองช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
“จะไม่ให้ฉันกังวลได้ไง แมทออกไปหากิลแบร์คนเดียวนะ พวกนั้นมีตั้งเยอะให้ตายสิทำไมเขาถึงดื้อด้านขนาดนี้” ฉันบ่นอย่างหัวเสียจับมือตัวเองเอาไว้แน่น รู้สึกเป็นห่วงแมทเทียสแทบบ้าแล้วตอนนี้
”เอาน่า เดี๋ยวพี่ตามไปเอง” พี่เฮคเตอร์ที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกาแอลพูดขึ้นเสียงเข้ม
“พวกฉันก็ว่าจะตามมันไปอยู่แล้วแหละ” ปาสกัสก็เดินตามเข้ามาโดยที่อองรียืนพิงขอบประตูมองมาทางฉันยิ้มๆ
”พวกนายจะตามไปเหรอ” โมนิก้าหันไปถามพี่เฮคเตอร์อย่างแปลกใจ
“อือ ถึงไอ้แมทมันจะไปคนเดียวไหวก็เถอะ แต่กิลแบร์มันต้องมีแผนสกปรกแน่นอน“
“พวกฉันเลยจะไปสมทบอีกทีไง” อองรีเสริมคำพูดของพี่เฮคเตอร์อีกที
“ฉันไปด้วย” ฉันรีบเดินไปหาพี่เฮคเตอร์แล้วบอกเขาอย่างร้อนรนทันที
“จะไปได้ไง มันอันตราย” พี่เฮคเตอร์บอกฉันเสียงดุ
“ก็มันอันตรายไงพี่เฮค เฮเลน่าถึงต้องไปด้วย”
“อยู่นี่กับโมนิก้านั่นแหล่ะ พี่ไปกับไอ้พวกนี้ก็พอ” พี่เฮคเตอร์หันมาบอกฉันแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ
“แต่ว่าเฮเล่าจะไป”
”พี่บอกว่าไง” ฉันกับพี่เฮคเตอร์มองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ฉันรู้ ถึงแม้ว่าฉันจะไปกับพวกเขาก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่มันก็ยังดีกว่าให้ฉันต้องมานั่งรอโดยไม่รู้ว่าแมทเทียสและพวกเขาเป็นตายร้ายดียังไงบ้างน่ะสิ
“ถ้างั้นก็ไปกันหมดนี่แหล่ะ“ อองรีสวนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฉันกับพี่ชายตัวเองจะทะเลาะกันมากไปกว่านี้
“ก็ดีเหมือนกัน ถึงฉันจะอยู่ที่นี่กับเฮเลน่าแต่เราก็ไม่รู้ว่าพวกกิลแบร์จะมาเท่าไร ถ้าเกิดบุกมาเอาตัวเฮเลน่าไปตอนที่ไม่มีใครอยู่ ฉันแค่คนเดียวจะสู้ได้มั้ยยังไม่รู้เลย” โมนิก้าเดินมายืนกอดอกบอกพี่เฮคเตอร์ข้างๆฉัน
“ที่โมนิก้าพูดก็มีเหตุผลนะไอ้เฮค” เสียงทุ้มของปาสกัสพูดขึ้นโดยมีอองรีและกาแอลพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย
”ก็ได้” พี่เฮคเตอร์นิ่งคิดไปสักพักก็ถอนหายใจออกมาแรงๆอีกครั้งแล้วบอกฉันเสียงเหนื่อยหน่าย ทันทีที่ได้ยินคำตอบฉันก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
”ขอบคุณค่ะ”
“แต่เฮเลน่าห้ามทำอะไรที่มันอันตรายเกินไปเข้าใจมั้ย” เสียมเข้มดุดันของพี่เฮคเตอร์ทำฉันพยักหน้าเข้าใจด้วยความรวดเร็ว
”ค่ะ”
“ไปเตรียมของกัน” โมนิก้าหันมาบอกฉันยิ้มๆ เตรียมของอะไรอ่ะ ฉันคิ้วขมวดด้วยความสงสัย จนโมนิก้าต้องอธิบายให้ฟัง
”...”
”เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ใช่แวมไพร์ก็ต้องมีอาวุธติดตัวไว้บ้างสิ ขนาดพวกฉันยังต้องมีเลย”
“อาวุธของฉันน่ะเหรอ”
“ใช่ไง ชั้นใต้ดินมีให้เลือกเพียบ รีบไปกันเถอะ”
แล้วทุกคนก็เดินลงมายังประตูชั้นใต้ดินภายในบ้านหลังใหญ่โดยมีฉันคอยเดินตามอย่างตื่นเต้น เพิ่งรู้เหมือนกันว่าที่นี่มีชั้นใต้ดินด้วย
”ฉันขอกระสุนเงินเพิ่มหน่อยดีกว่า” หลังจากที่พวกเราทุกคนเดินมาจนถึงภายในห้องเก็บอาวุธ ฉันก็ต้องอึ้งหนักกว่าเดิมเพราะมันมีของมีคมหรือปืนหน้าตาแปลกๆที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนมากมายจนตาลาย
“เฮเลน่าชอบแบบไหน ให้ฉันช่วยเลือกมั้ย” อองรีหยิบมีดสั้นขึ้นมาดูแล้วหันมาถามฉันที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
”เอ่อ ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรยังไงเลยอ่ะ” ฉันมองซ้ายมองขวาก็เลือกไม่ถูกอยู่ดี
”มีดพกอันนี้ดีมั้ย” อองรีหยิบมีดพกที่สั้นกว่าของเขามาให้ดู
“มีดพกเหรอ” ฉันมองดูมีดพกสีเงินลวดลายสวยงามอย่างลังเล
“แต่เธอเป็นมนุษย์คงสู้ระยะประชิดกับแวมไพร์ไม่ไหว ธนูล่ะเป็นไง ใช้เป็นหรือเปล่า” อองรีหยิบธนูยืนมาให้ ฉันเลยร้บมันขึ้นมาดูอย่างสนใจ
“น่าจะได้อยู่นะ ฉันใช้เป็นพอดี”
“จะใช้ไอ้นี่เหรอเฮเลน่า” พี่เฮคเตอร์ที่ถือมีดเล่มใหญ่เดินมากับโมนิก้าที่มีปืนสองกระบอกเหน็บไว้ที่ต้นขาถามขึ้น ทำไมทั้งสองคนดูดีและดูอันตรายไปพร้อมกันแบบนี้ล่ะ
”ค่ะ มันน่าจะเข้ากับเฮเลน่า” ฉันชูธนูสีเงินแกะสลักสวยงามให้พี่เฮคเตอร์ดู
“ฉันว่าก็ดีนะ ใช้อันนั้นแหละ” โมนนิก้าพูดออกมายิ้มๆ
“เสร็จยัง” ฉันหันไปมองตามเสียงก็เจอปาสกัสที่เดินมาพร้อมกับกาแอล นี่ปาสกัสใช้สนับมือเหรอ ส่วนกาแอลคงใช้ปืนยาวที่สะพายอยู่แน่ๆ และอองรีก็มีดพกที่เขาถือไว้ตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง
ฉันมองทุกคนที่ทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา คงมีแต่ฉันสินะที่รู้สึกว่ามันเหมือนเป็นความฝันมากกว่า มือที่ถือธนูอยู่กำเอาไว้แน่น จู่ๆภาพแมทเทียสก็โผล่เข้ามาในหัวจนฉันนิ่งอึ้งแล้วเรียกสติตัวเองอีกครั้ง
“พร้อมแล้ว รีบไปกันเถอะ”