ในยุคนี้ไม่ได้มีเพียงแต่ตำแหน่งหนังสือขายดีบนชั้นวางในร้านหนังสือเท่านั้นที่เป็นที่จับตามอง ทางฝั่งอีบุ๊กเองก็มีเรื่องที่ขึ้นแท่นเหมือนกันนะ
เพราะเทคโนโลยีที่เปิดกว้างและเข้าถึงง่ายมากขึ้นทำให้มีอีบุ๊กดีๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่จะทำยังไงให้อีบุ๊กของเราขายดี เป็นที่พูดถึง วันนี้ธัญญ่าจึงได้รวบรวมทริคการปั้นอีบุ๊กให้ ‘ขึ้นแท่น’ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยย
ปั้นเนื้อหา ‘ขึ้นแท่น’
เคยสังเกตไหมคะว่าบางครั้งบนชั้นหนังสือ Best Seller หรือแม้แต่เซกชันอีบุ๊กขายดีมักจะเป็นนิยายแนวเดียวกันหรือไม่ก็คล้ายกันมากๆ เกือบทั้งหมดเพราะนอกจากเนื้อหาจะต้องดีและน่าสนใจแล้วกระแสที่กำลังมาตอนนั้นก็สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นถ้าอยากให้อีบุ๊กของเราขายดิบขายดีก็อย่าลืมสำรวจกันก่อนว่าช่วงนั้นเรื่องแนวไหนที่คนนิยมอ่านหรือกำลังเป็นกระแส
เมื่อเรามีนิยายที่เขียนจบแล้วและอยากจะขายอีบุ๊ก ก็มาเริ่มดูกันว่าในปัจจุบันมีเครื่องมืออะไรที่ใช้ในการจัดการเนื้อหาได้บ้าง หรือเราถนัดใช้เครื่องมือไหนบ้าง
1. Microsoft word
โปรแกรมพื้นฐานที่มีติดอยู่ในคอมพิวเตอร์ของทุกคน ใช้ในการพิมพ์หรือแก้ไขเนื้อหา จัดหน้า ใช้งานง่ายและทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
2. Adobe InDesign
โปรแกรมที่ใช้ในการสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ และได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เราจะใช้ในการออกแบบงานด้านสื่อสิ่งพิมพ์ แต่นอกจากนั้นก็สามารถใช้ไฟล์นี้ในการสร้างอีบุ๊กได้เหมือนกันนะ
3. Google Docs
เครื่องมือช่วยในงานเขียนที่โด่งดังและสะดวกสบายมากๆ เพียงแค่เราล็อกอินเข้าไปในบัญชีกูเกิ้ล เราก็จะสามารถใช้งานได้เมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องการ ทั้งยังสามารถดาวน์โหลดไฟล์มาได้ในหลายรูปแบบทั้ง .txt .doc .pdf .html แถมเรายังสามารถเชื่อมต่อ Google Docs จากทุกๆ เครื่องมือสื่อสารที่เรามีเพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของ Google Docs ไว้อีกด้วย
4. Evernote
เราสามารถใช้เอเวอร์โน้ตในการจัดการทุกๆ อย่างในนิยายของเรา ไม่ว่าจะเป็นจดบันทึกไอเดีย เขียนโครงเรื่องคร่าวๆ หรืออีกหลายอย่างงมากมายก่อนจะเริ่มงานเขียนของเรา ที่สำคัญเอเวอร์โน้ตมีแอปพลิเคชันให้เก็บไว้ในมือถือกันด้วยอีกนะ
5. Paper Rater
แค่เราพิมพ์เนื้อหาลงไปในเว็บไซต์นี้ มันจะจัดการตรวจความถูกต้องให้ทุกอย่าง ทั้งการสะกดคำผิด การตรวจรูปแบบของการจัดหน้ากระดาษ การตรวจไวยากรณ์ ไปจนถึงการค้นหาคำที่เหมาะสมมากกว่ามาให้เลือกใช้
6. Calibre
แคลิเบอร์เป็นเว็บไซต์ของการสร้างอีบุ๊คแบบครบวงจร เว็บไซต์นี้สามารถแปลงไฟล์งานของเราให้เป็นรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างหลากหลายเพื่อการสร้างรูปแบบที่หลากหลายของหนังสือของเรา
7. Sigil
ซิจิลคือเว็บไซต์ที่สำหรับสร้างไฟล์ ePub ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี อีกทั้งยังมีเครื่องมือในการจัดวางเนื้อหาพร้อมรูปภาพอย่างสวยงาม
แต่ถ้าใครที่มีเพียงไฟล์เนื้อหา MS Word หรือมีเนื้อหาที่ลงในหน้านิยายอยู่แล้วอยากจะสร้างอีบุ๊กโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการการทำเล่ม ‘ธัญวลัยอีบุ๊ก’ ของเราก็ตอบโจทย์ เพียงแค่คลิกเมาส์ Copy และ Past และตั้งราคา ก็สามารถวางขายได้เลย สะดวกสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่า ปั้นเนื้อหาเสร็จเรียบร้อยก็ไปที่ภาพหน้าปกกันต่อโลดด
ปั้นปก ‘ขึ้นแท่น’
มาดูฝั่งที่เป็นหน้าเป็นตาของอีบุ๊กกันบ้าง สำหรับอีบุ๊กแล้วล่ะก็ต้องบอกว่า...หน้าปกดี มีชัยไปกว่า 30% เพราะฉะนั้นจึงเป็นขั้นตอนที่นักเขียนหลายๆ คนควรใส่ใจ ซึ่งในปัจจุบันนั้นการสร้างปกอีบุ๊กก็มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นปกลายเส้นหรือปกกราฟิก มาดูกันดีกว่าว่าปกอีบุ๊กแต่ละแบบนั้นต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
1. ปกลายเส้น
ปกลายเส้นนั้นจะโดดเด่นและสวยงามแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ซึ่งอีบุ๊กส่วนใหญ่ที่ขายดีก็มักจะใช้เป็นภาพวาดคาแร็กเตอร์ตัวละคร
สิ่งสำคัญ
Compose การจัดวางท่าทางและลักษณะคาแร็กเตอร์
Mood & Tone สีและบรรยากาศที่เลือกใช้ต้องเหมาะสมกับเรื่อง และเป็นโทนที่ส่งให้ปกนั้นดึงดูดสายตานักอ่านมากขึ้น
ชื่อเรื่อง ต้องโดดเด่น สะดุดตา แต่ไม่แย่งซีนภาพหน้าปก
2. ปกกราฟิก
มาต่อกันที่ปกกราฟิกที่เราคุ้นตากันบ้าง สำหรับอีบุ๊กส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นปกกราฟิกก็จะเป็นแนวโรมานซ์ หรือนิยายแนวผู้ใหญ่
สิ่งสำคัญ
Composeสังเกตว่าส่วนใหญ่มักจะใช้เป็นภาพวัตถุที่อาจจะมีความหมายในเรื่องหรือมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
Mood & Tone เลือกใช้โทนสีที่เข้ากันกับเนื้อเรื่องและชื่อเรื่องเพื่อเสริมให้ดูน่าอ่านมากขึ้นไปอีก
Font การออกแบบฟอนต์ชื่อเรื่องนั้นสำคัญมากๆ สำหรับปกแบบกราฟิกเพราะเป็นจุดที่จะดึงดูนักอ่านได้มากที่สุดเลยก็ว่าได้
คำโปรยสั้นๆ ระยะหลังจะเห็นว่านักเขียนบางคนใช้วิธีการวางคำโปรยบนปกอีบุ๊ก ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งเพราะถ้านักอ่านถูกใจคำโปรยตรงนั้นแล้วล่ะก็มีโอกาสที่จะกดซื้ออีบุ๊กเรื่องนั้นได้ไวกว่าที่คิด
หรือถ้าใครอยากรู้หรือศึกษาวิธีการทำปกอีบุ๊กแบบเต็มๆ ก็สามารถตามไปอ่านได้ที่ How to สร้างปกธัญวลัยอีบุ๊กง่ายๆ สไตล์ธัญญ่า นะคะ
ปั้นอีบุ๊ก 'ขึ้นแท่น' ด้วยการตลาด
1. ราคาอีบุ๊ก
เพราะอีบุ๊กนั้นไม่มีต้นทุนในเรื่องการตีพิมพ์ การคิดราคาจึงมักจะถูกกว่าหนังสือที่ขายตามร้านหนังสือทั่วไป ส่วนหลักการตั้งราคาที่ดี จะมีอะไรบ้างตามธัญญ่ามาเลย!
ตั้งราคาสินค้าจากตลาด
วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมากและไม่ซับซ้อน หลักการก็ง่ายแสนง่ายแค่ไปสำรวจราคาจากท้องตลาด แล้วตั้งราคาให้ใกล้เคียงกัน อาจจะใช้วิธีลด 20 - 40% จากราคาเล่มกระดาษ ก็ขึ้นอยู่กับนักเขียนหรือสำนักพิมพ์
ตั้งราคาให้สัมพันธ์กับจำนวนหน้า
เช่น จำนวนหน้า 300 หน้า ถ้าคิดราคา 0.5 บาท / หน้า อีบุ๊กเล่มนั้นก็จะราคาประมาณ 150 บาท
ตั้งลดราคา Flashsale โปรโมชัน Midyear Sales ทีไรชอปแหลกทุกที นักอ่านเองก็ไม่ต่างค่ะ ถ้าอยากกระตุ้นยอดขายลองลดราคาดูสักครั้งสิคะ
ตั้งราคาลงท้ายด้วยเลข 9 นับว่าเป็นเทคนิคที่ใช้ค่อนข้างได้ผลในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ Tier ราคาของแต่ละแพลตฟอร์มที่ลงขายว่าข้อบเขตราคาที่ตั้งได้มีเท่าไหร่บ้าง
2. แบ่งขายหลายเล่ม
หากอีบุ๊กของเรามีจำนวนหน้าเยอะมากๆ จนหนักใจในการตั้งราคา การแบ่งขายหลายเล่มโดยกำหนดจำนวนหน้าต่อเล่มจะทำให้ราคาต่อเล่มนั้นถูกลง และนักอ่านสามารถทยอยซื้อได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อครั้งเดียว ซึ่งนักอ่านอาจจะมองว่าจุดนี้มันแพง สบายใจทั้งนักเขียนและนักอ่านโดยอาจจะใส่เลขบนหน้าปกเป็นเล่ม 1 2 3 4 5 เหมาะกับนิยายเรื่องยาวเป็นซีรีส์
3. ทดลองอ่าน
การเปิดให้นักอ่านได้ทดลองอ่านอีบุ๊กของเราถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเมื่อลองได้อ่านตัวอย่างแล้วชอบก็จะทำให้อยากอ่านต่อจนต้องซื้ออีบุ๊กนั่นเอง
4. คำโปรย
คำโปรยที่ดีคือคำโปรยที่ชวนอ่านและดึงดูด ควรสั้น กระชับ และได้ใจความในความยาวแค่ไม่กี่บรรทัด แต่ต้องไม่เป็นการสปอยล์เนื้อหาในเรื่องมากเกินไป หรืออีกวิธีที่นักเขียนเจ้าของผลงานขายดีมักจะทำกันก็คือการเลือกเอาบางฉากจากในเรื่องมาใส่ในคำโปรยนั่นเอง
การจะสร้างอีบุ๊กสักเล่มในยุคปัจจุบันมีทริคและเครื่องมือเยอะแยะมากมายให้เลือกใช้ แถมยังมีคุณสมบัติที่ต่างกันและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานสุดๆ แบบนี้การปั้นอีบุ๊กให้ขึ้นแท่นก็ไม่ยากอย่างที่คิด นับเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางสำหรับคนที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Work at Home ใครจะรู้ล่ะคะ E-book Best seller เรื่องหน้าที่ปรากฏบนชั้นวางอีบุ๊กอาจจะเป็นผลงานของเพื่อนๆ ก็ได้นะ
แชร์เลย
3.9kอ่านประกาศ 2020-05-28T07:11:46.9400000+00:00ลงประกาศ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น